ระดับปริญญาโท (Master Degree)
Permanent URI for this collection
Browse
Browsing ระดับปริญญาโท (Master Degree) by Issue Date
Now showing 1 - 20 of 919
Results Per Page
Sort Options
- Itemการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษาแม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 3(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) อรัญญา ไชยวงค์การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษาแม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปางเขต 3 โดยศึกษาจากผู้บริหารและครูวิชาการ ในกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษาแม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 3 จำนวน 6 โรงเรียน รวมเป็น 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสอบถามปลายเปิด สอบถามแนวทาง การบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ขั้นพื้นฐาน (O-NET) วิเคราะห์ข้อมูลโดยพิจารณาคำหรือข้อความที่ปรากฏอยู่ใน 4 ด้าน คือ ด้านหลักสูตรและการบริหารหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการนิเทศภายในโรงเรียน และด้านการวัดและประเมินผล ผลการศึกษาพบว่า ด้านหลักสูตรและการบริหารหลักสูตร ควรจัดประชุมชี้แจงแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดแนวทางการบริหารจัดการหลักสูตร มีการประเมินผลการใช้หลักสูตร เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป ด้านการจัดการเรียนการสอน มีการศึกษามาตรฐานตัวชี้วัด สร้างเครื่องมือ จัดกระบวนการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ นำผลการประเมินมาวิเคราะห์และพัฒนาผู้เรียน ด้านการนิเทศภายในโรงเรียน สร้างความเข้าใจให้กับครูผู้สอนด้านการนิเทศภายใน แต่งตั้งคณะกรรมการนิเทศและประเมินผลการนิเทศ ส่งเสริมให้ครูได้มีการพัฒนาตนเอง ด้านการวัดผลและประเมินผล มีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการประเมิน วิเคราะห์ผลการประเมิน เพื่อหาปัญหาและแนวทางพัฒนาต่อไป
- Itemวิเคราะห์ภาวการณ์แข่งขันธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ในจังหวัดพะเยาโดย Five Force Model(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) จิรประภา สุขดีการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อการศึกษาปัญหาและความต้องการในการดำเนินธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ในจังหวัดพะเยา และวิเคราะห์ภาวการณ์ดำเนินงานธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ ในจังหวัดพะเยา โดยใช้หลักการ Five Force Model จากฟาร์มไก่ไข่ขนาดต่าง ๆ จากนั้น ผู้วิจัยก็ได้ทำการเลือกกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยในครั้งนี้ คือ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ในจังหวัดพะเยาซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 10 ฟาร์ม แบบได้ตามขนาดฟาร์มดังนี้ ฟาร์มขนาดใหญ่ ฟาร์มขนาดกลาง และฟาร์มขนาดเล็ก เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสัมภาษณที่รวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป ปัญหาและความต้องการในการดำเนินธุรกิจ และวิเคราะห์ภาวการณ์ดำเนินธุรกิจโดยใช้ทฤษฏี Five Force Model ของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ในจังหวัดพะเยา ผลการวิจัยพบว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ในจังหวัดพะเยา จะประสบปัญหาและความต้องการที่คล้ายคลึงกัน กล่าวคือ ฟาร์มแต่ละขนาดมักประสบปัญหาเกี่ยวกับวัตถุดิบมีราคาสูง และมีความขาดแคลน ขาดการวางแผนการผลิตที่เหมาะสม อันเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ ทำให้ไม่สามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีอำนาจการต่อรองกับตัวแทนจำหน่าย และยังประสบกับปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียน และการรับภาระหนี้สินจากดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนกิจการ อีกทั้งปัญหาที่ทุกกิจการประสบ คือ ปัญหาด้านราคาไข่ที่ไม่เสถียรภาพปรับตัวสูงขึ้นและลดลง มีความผันผวนและเกิดขึ้นเร็วจนเกษตรกรบางรายที่มีทุนน้อยต้องเลิกกิจการ แนวทางในการพัฒนาธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ในจังหวัดพะเยา คือ การรวมกลุ่มเป็นชมรม หรือสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ในพะเยา เพื่อให้มีอำนาจในการต่อรองและการดำเนินงานให้มีอย่างประสิทธิภาพ จากข้อเสนอแนะดังกล่าวของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ในจังหวัดพะเยา ได้อยากให้ภาครัฐลงมาช่วยในเรื่องราคาไข่ไก่ และให้องค์ความรู้แก่เกษตรผู้เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- Itemการวิเคราะห์การไหลของฟอสฟอรัสในระบบนาข้าว : กรณีศึกษานาข้าวริมน้ำกว๊านพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) จันทร์จิรา ช่ออังชัญปัจจุบันกว๊านพะเยามีธาตุอาหารจำพวก ฟอสฟอรัส และไนโตรเจนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกิจกรรมทางการเกษตร เป็นผลให้เกิดปรากฏการณ์ยูโทรฟิเคชั่น การเกิดยูโทรฟิเคชั่น ซึ่งทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา และวิเคราะห์การไหลของฟอสฟอรัสจากระบบเกษตรกรรมนาข้าว โดยการใช้วิธีการวิเคราะห์การไหลของสาร (Material Flow Analysis : MFA) เพื่อหาวิธีในการจัดการ เพื่อลดมลพิษลงสู่กว๊านพะเยา วิธีนี้เป็นพื้นฐานของทฤษฎีสมดุลมวลของสารเข้า (Input) และสารออก (Output) ของการไหลของระบบย่อยแต่ละอันของฟอสฟอรัส ในระบบเกษตรกรรมนาข้าวริมกว๊านพะเยา (พื้นที่ศึกษา 24 ไร่) โดยมีสารขาเข้า ได้แก่ การใส่ปุ๋ยซึ่งมีค่าเท่ากับ 96 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต หรือประมาณ 75% ฟอสฟอรัสจากนํ้าที่ทำการปล่อยนํ้าเข้า มีค่าเท่ากับ 1.53 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต หรือประมาณ 1% ฟอสฟอรัสจากต้นกล้า มีค่าเท่ากับ 5.93 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต หรือประมาณ 5% ฟอสฟอรัสจากฟางจากการเกษตรรอบก่อนหน้า มีค่าเท่ากับ 23.85 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต หรือประมาณ 19% และมีฟอสฟอรัสที่ออกจากระบบเกษตรกรรมนาข้าวอยู่สองทาง คือ ออกจากระบบโดยเป็นเมล็ดข้าวซึ่งมีค่าเท่ากับ 101.74 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต หรือประมาณ 80% และมีฟอสฟอรัสที่ไหลออกจากระบบ โดยการระบายนํ้าออกจากพื้นที่การเกษตรเท่ากับ 2.20 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต หรือประมาณ 2% โดยฟอสฟอรัสจะถูกระบายออกสู่แม่นํ้าโดยการไหล แบบ Drained และ Runoff และยังมีฟอสฟอรัสอีก 23.37 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต หรือประมาณ 18% ยังตกค้างอยูในพื้นที่การเกษตร
- Itemการทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันที่ใช้แล้วกับเครื่องยนต์รถ(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) จรัล วรรณตุงการทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันไบโอดีเซล จากน้ำมันที่ใช้แล้วกับเครื่องยนต์รถ จากการศึกษากระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล พบว่า มี 6 ขั้นตอนการผลิตที่สำคัญ ได้แก่ 1) การไล่น้ำออกจากน้ำมัน 2) การปรับสภาพน้ำมันก่อนทำปฏิกิริยา 3) การทำปฏิกิริยทรานเอสเทอร์ริฟิเคชั่น 4) การแยกกลีเซอรีน 5) การล้างน้ำมันไบโอดีเซล และ 6) การไล่ความชื้น และผลการทดสอบคุณภาพของน้ำมันไบดีเซลกับเครื่องยนต์ พบว่า ประสิทธิภาพ การเผาไม้สมบูรณ์ การจุดวาบไฟ มีค่า 188.7 องศาเซลเซียส และความหนืด มีค่า 53.63 วินาทีเซย์โบลต์ ผลการศึกษาประโยชน์จากน้ำมันไบโอดีเซล แบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณควันดำจากรถยนต์ 2. ด้านเศรษฐศาสตร์ จากการศึกษาพบว่า ต้นทุนของการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ขนาด 150 ลิตร/วัน โดยใช้ต้นทุนจำนวน 2,779 บาท หรือ 18.52 บาท/ลิตร โดยรายได้จากการขายไบโอดีเซลต่อวันเท่ากับ 558 บาท และ 3. ด้านการส่งเสริมให้ความรู้แก่ประชาชน โดยการจัดอบรม และจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์เผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับน้ำมันไบโอดีเซล และควรมีการวางแนวทางการบริหารจัดการวัตถุดิบ ดังนี้ 1. การส่งเสริมจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์การเกษตรสำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชน้ำมัน 2. การจัดการด้านจุดรับซื้อ หรือแลกเปลี่ยนสินค้า โดยการนำเอาวัตถุดิบมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าอุปโภค บริโภค ชนิดอื่น ๆ ได้ 3. การส่งเสริมให้มีพ่อค้าคนกลางทำหน้าที่รวบรวมวัตถุดิบ และ 4. การรณรงค์ให้ลดการใช้น้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ทอดซ้ำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน และส่งเสริมให้รวบรวมน้ำมันที่ใช้แล้วมาผลิตน้ำมันไบโอดีเซล
- Itemการศึกษาบทบาทการมีส่วนร่วมของกลุ่มองค์กรในการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกในตำบลหนองแก๋ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) อนุชาติ ปนันคำงานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมและเปรียบเทียบการมีส่วนร่วม ในการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกของกลุ่มองค์กรของตำบลหนองแก๋ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด จำนวน 528 คน คัดเลือกโดยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่สร้างขึ้นจากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า บทบาทการมีส่วนร่วมในการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก ของกลุ่มองค์กรโดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 103.10 เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ด้านการค้นหา ปัญหาและสาเหตุของปัญหา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 18.53 ด้านการตัดสินใจ และวางแผนการดำเนินการ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 17.59 ด้านการดำเนินงาน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 34.67 ด้านการประเมินผล มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.77 ในด้านการรับรู้ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 18.59 การเปรียบเทียบบทบาทการมีส่วนร่วมในการป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออก การรับรู้ความรุนแรงของกลุ่มองค์กรโดยรวม และรายด้าน พบว่า การมีส่วนร่วมการรับรู้ความรุนแรงในการป้องกัน และควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกในแต่ละด้าน มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ ทางสถิติที่ 0.05 เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบรายคู่ พบว่า ในด้านการค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหา มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 ซึ่งกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน คือ กลุ่มผู้นำ กับกลุ่มสตรีแม่บ้าน และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านกับกลุ่มสตรีแม่บ้าน ในด้านการตัดสินใจและวางแผน มีความแตกต่างที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 ซึ่งกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน คือ กลุ่มผู้นำกับกลุ่มสตรีแม่บ้าน และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านกับกลุ่มสตรีแม่บ้าน ในด้านการดำเนินงาน มีความแตกต่างที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 ซึ่งกลุ่มที่มีความ แตกต่างกัน คือ กลุ่มผู้นำกับกลุ่มสตรีแม่บ้าน และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กับกลุ่มสตรีแม่บ้าน ในด้านการประเมินผล มีความแตกต่างที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 ซึ่งกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน คือ กลุ่มผู้นำกับกลุ่มสตรีแม่บ้าน และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้านกับกลุ่มสตรีแม่บ้าน และในด้านการรับรู้ความรุนแรง มีความแตกต่างที่ระดับนัยสำคัญ ที่ 0.05 ซึ่งกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน คือ กลุ่มผู้นำกับกลุ่มสตรีแม่บ้าน และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กับกลุ่มสตรีแม่บ้าน ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกกลุ่มองค์กรในชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อจะทำให้การป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออกอย่างได้ผล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- Itemปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ารับราชการในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: กรณีศึกษา พนักงานส่วนตำบลในจังหวัดเชียงราย(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) เอนก สุเตนันต์การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจบรรจุ และแต่งตั้งเข้ารับราชการ เป็นพนักงานส่วนตำบลในสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัดเชียงราย และศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ โอนมารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบล ในสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดเชียงราย โดยกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ทั้งหมด 76 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ที่บรรจุ และแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนตำบล จำนวน 38 ราย และข้าราชการอื่นที่โอนมาสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 38 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยหา ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบล ในจังหวัดเชียงราย มากที่สุด คือ ด้านอื่น ๆ ด้านความสัมพันธ์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจโอนมารับราชการ เป็นพนักงานส่วนตำบลในจังหวัดเชียงราย มากที่สุด คือ ด้านความก้าวหน้า ด้านความเป็นอยู่ส่วนตัว
- Itemการประเมินปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในสวนป่าสักจังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) ชโลธร ชุมภูกุลงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประเมินปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของสวนป่าสักในจังหวัดพะเยา ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลต้นไม้และดินในพื้นสวนป่าสัก แล้วประเมินเป็นปริมาณมวลชีวภาพด้วยสมการแอโลแมตริก โดยศึกษาสวนป่าสักที่มีอายุแตกต่างกัน 4 ช่วงอายุ ได้แก่ 2 ปี 9 ปี 15 ปี และ 34 ปี ทำการเก็บข้อมูลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางระดับอกและความสูงของต้นสัก เก็บข้อมูลไม้หนุ่ม กล้าไม้ ไม้พื้นล่าง ไม้เถา เฟิร์น พืชล้มลุก หญ้า และซากพืช นำมาอบหาความชื้นแล้วคำนวณเป็นมวลชีวภาพ เก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์ปริมาณคาร์บอนในดินที่ระดับความลึกต่าง ๆ โดยใช้วิธีของ Walkley และ Black ผลการศึกษาพบว่า สวนป่าสักอายุ 34 ปี 15 ปี 9 ปี และ 2 ปี มีปริมาณมวลชีวภาพ เท่ากับ 233.18 ตันต่อเฮกแตร์ 184.63 ตันต่อเฮกแตร์ 60.83 ตันต่อเฮกแตร์ และ 9.44 ตันต่อเฮกแตร์ ตามลำดับ และพบว่า สวนป่าสักอายุ 34 ปี 15 ปี 9 ปี และ 2 ปี มีค่าการกักเก็บคาร์บอน 116.59 ตันต่อเฮกแตร์ 92.32 ตันต่อเฮกแตร์ 30.42 ตันต่อเฮกแตร์ และ 4.72 ตันต่อเฮกแตร์ ตามลำดับ ปริมาณคาร์บอนที่สะสมอยู่ในดินของสวนป่าสัก อายุ 34 ปี 15 ปี 9 ปี และ 2 ปี เท่ากับ 43.33, 52.39, 33.46, และ 104.95 ตันคาร์บอนต่อเฮกแตร์ ตามลำดับ จากสถิติการส่งเสริมปลูกไม้สักในจังหวัดพะเยามีพื้นที่ 2,208.04 เฮกแตร์ คิดเป็นการกักเก็บคาร์บอนในสวนป่าสักทั้งสิ้น 127,798.48 ตันคาร์บอน
- Itemการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่ยม อำเภอปง จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) จุฬาวรรณ สุทธิพันธ์จุดมุ่งหมายในการศึกษาครั้งนี้ เพื่อศึกษาการบริหารจัดการด้านการศึกษาตามมาตรฐานศูนย์เด็กเล็ก กรมอนามัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลตำบลแม่ยม อำเภอปง จังหวัดพะเยา ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาล ตำบลแม่ยม อำเภอปง จังหวัดพะเยา จำนวน 70 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีทั้งหมด 2 ตอน สถิติที่ใช้ ได้แก่ คะแนนเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากผลการศึกษาพบว่า การบริหารจัดการด้านการศึกษาตามมาตรฐานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กรมอนามัย ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลตำบลแม่ยม ทั้ง 6 ด้าน ในภาพรวมการบริหารจัดการด้านบุคลากร มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าด้านอื่น (μ=3.83) ในเรื่อง ครูมีความรู้ความสามารถหรือมีประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้และดูแลเด็ก รองลงมา คือ ด้านการส่งเสริมสุขภาพ (μ=3.73) ในเรื่อง เด็กทุกคนได้รับการประเมินภาวะโภชนาการโดยการชั่งนํ้าหนัก วัดส่วนสูง และคุณภาพของนมที่เด็กได้ดื่ม ด้านการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก (μ=3.70) ในเรื่อง การส่งเสริมให้เด็กได้แสดงออกตามความสามารถและความถนัดของตนเอง เช่น ร้องเพลง กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ ด้านการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง (μ=3.63) ในเรื่อง ผู้ปกครองมีส่วนร่วมการแสดงความคิดเห็นและรับนโยบายต่างๆของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ด้านการบริการอาหารสะอาด ปลอดภัย (μ=3.58) ในเรื่อง นํ้าดื่ม นํ้าใช้ สะอาด และด้านสิ่งแวดล้อมสะอาดและปลอดภัยมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (μ=3.57) ในเรื่อง บริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีสภาพแวดล้อมภายในสะอาดปลอดภัย และตัวอาคารมั่นคง แข็งแรงและปลอดภัย ตามลำดับ
- Itemประสิทธิผลการดำเนินงานบริการสาธารณะศึกษาเปรียบเทียบระหว่างเทศบาลตำบลเวียงลอ และเทศบาลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) ชำนาญ บัวแดงการค้นคว้าแบบอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลการดำเนินงานบริการสาธารณะ ความพึงพอใจของประชาชนในการจัดทำบริการสาธารณะ รวมถึงปัญหา และอุปสรรค โดยภาพรวมในการจัดทำบริการสาธารณะ ระหว่างเทศบาลตำบลเวียงลอ และเทศบาลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ในเขตเทศบาลตำบลเวียงลอ และประชาชนเทศบาลตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวข้างต้น นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ ประสิทธิผล และปัจจัยที่มีผลต่องานของเทศบาล คือ ผู้บริหารดำเนินการตามนโยบายที่กำหนดไว้ได้ตรงกับความต้องการของประชาชน ส่วนความพึงพอใจต่อการให้บริการสาธารณะตามนโยบายผู้บริหารท้องถิ่นจากการเปรียบเทียบ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ของเทศบาลตำบลเวียงลอ และเทศบาลหงส์หิน มีความพึงพอใจต่อการให้บริการสาธารณะตามนโยบายผู้บริหารท้องถิ่น มากที่สุด คือ ด้านบริการสาธารณะด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รองลงมา คือ ด้านสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมและบริการสาธารณะ ด้านงานให้บริการและบริการชุมชน ข้อเสนอแนะ คือ ควรปรับปรุงการให้บริการ ด้านบริการสาธารณะ ด้านงานให้บริการ และบริการชุมชนให้ตรงตามความต้องการของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
- Itemการศึกษาการดำเนินงานด้านการบริหารงานการเงินและการคลังขององค์การบริหารส่วนตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) กานดา ยะชะระการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการดำเนินงานด้านการบริหารงานการเงินและการคลัง ขององค์การบริหารส่วนตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ตามเกณฑ์มาตรฐานการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในด้านการบริหารการเงิน และการคลัง แบบเก่าเปรียบเทียบกับแบบใหม่ เพื่อหาแนวทางแก้ไข และปรับปรุงการดำเนินงานซึ่งทำการศึกษาจากข้าราชการ ลูกจ้าง และสมาชิก อบต. โดยรวบรวมข้อมูลทั้งหมด จำนวน 60 ตัวอย่างจากกลุ่มประชากรทั้งหมด จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง ด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุอยู่ในช่วง 31-40 ปี มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับท้องถิ่นตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ระดับการศึกษาสูงสุดปริญญาตรี การประเมินประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ปี 2553 พบว่า อบต. มีหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บภาษี โดยใช้สื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับการประเมินประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ปี 2554 พบว่า ตามระเบียบ มท. ว่าด้วยการพัสดุ อบต. มีการใช้สถานที่กลางสำหรับปิดประกาศรับซอง เปิดซองสอบราคา ในการจัดซื้อจัดจ้างตามข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายมีประสิทธิภาพสูงสุด
- Itemการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) ณัฐณิชา คุ้มคำการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 2 ประการ คือ เพื่อศึกษาสภาพการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเพื่อการเรียนการสอน ในมหาวิทยาลัยพะเยา และเพื่อศึกษาปัญหาการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ พนักงานสายวิชาการ มหาวิทยาลัยพะเยา ในปีการศึกษา 2554 ทั้งหมด จำนวน 13 คณะ และ 2 วิทยาลัย จำนวน 226 คน เครื่องมือในการศึกษาได้ใช้แบบสอบถาม เพื่อศึกษาสภาพการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าสถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (x̅) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศึกษา สภาพการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านบุคคล ด้านงบประมาณ ด้านเครื่องมือหรืออุปกรณ์ ด้านไอที และด้านการบริหารจัดการ พบว่า 1. ด้านบุคคล สภาพการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา พบว่า โดยภาพรวมมีระดับความเหมาะสมปานกลาง มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงที่สุด เห็นว่า ข้อที่ 1 บุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีความรู้ความสามารถในการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนให้ประสบผลสำเร็จ และมีคะแนนค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด เห็นว่า ข้อที่ 4 การส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านไอทีโดยจัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของมหาวิทยาลัยให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา 2. ด้านงบประมาณ สภาพการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา พบว่า โดยภาพรวมมีระดับความเหมาะสมปานกลาง มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงที่สุด เห็นว่า ข้อที่ 3 การจัดสรรงบประมาณในการสร้างหรือปรับปรุงอาคารห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อย่างเพียงพอ และมีคะแนนค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด เห็นว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนซื้อเครื่องมือคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ด้านไอที แก่นิสิตอาจารย์และบุคลากรอย่างเพียงพอ 3. ด้านเครื่องมือหรืออุปกรณ์ด้านไอที สภาพการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา พบว่า โดยภาพรวมมีระดับความเหมาะสมปานกลาง มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงที่สุด เห็นว่า ข้อที่ 4 มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นรุ่นที่ทันสมัย สามารถใช้งานได้ดีเหมาะสมกับการเรียนการสอน และมีคะแนนค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด เห็นว่า ข้อที่ 1 มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ด้านไอทีมีความพร้อมต่อการใช้งานของนิสิต อาจารย์และบุคลากร 4. ด้านการบริหารจัดการ สภาพการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยพะเยา พบว่าโดยภาพรวมมีระดับความเหมาะสมปานกลาง มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงที่สุด เห็นว่า ข้อที่ 1 การนำระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ e-mail (Up-E-mail) มาใช้เพื่อติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และมีคะแนนค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด เห็นว่า ข้อที่ 2 มีการสำรวจความต้องการการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของอาจารย์นิสิตและบุคลากร
- Itemปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชน ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) เจนจิรา สุธรรมเม็งการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชน ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ประชากรกลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนที่เป็นสมาชิกกองทุน และไม่เป็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชน ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา จำนวน 410 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และนำไปเทียบกับเกณฑ์ เพื่ออภิปรายผล สรุปผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นสมาชิกกองทุน โดยรวมอยู่ในระดับสูง โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเป็นสมาชิกกองทุนของผู้ที่เป็นสมาชิก โดยรวมอยู่ในระดับสูง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกองทุน สวัสดิการชุมชน การดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน ความสะดวกสบายในการติดต่อประสานงานกับกองทุนสวัสดิการชุมชน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเป็นสมาชิกกองทุนของผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก อยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน การเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารเทศบาลตำบลท่าวังทอง สวัสดิการ และอัตราเงินสมทบที่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น จากผลการศึกษาครั้งนี้ การดำเนินงานของกองทุนไม่ควรอาศัยเงื่อนไขทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และเพิ่มการประชาสัมพันธ์จากกองทุนเป็นกองบุญ
- Itemการศึกษาแรงจูงใจที่มีผลต่อการทำงานของพนักงานธนาคารกรุงไทย จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) ฟ้าวลัย สีหมอกวัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ เพื่อทราบถึงแรงจูงใจที่มีผลต่อการทำงานของพนักงานธนาคารกรุงไทย จังหวัดพะเยา ซึ่งใช้วิธีดำเนินการศึกษาจาก ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ พนักงานธนาคารกรุงไทยในจังหวัดพะยา จำนวน 89 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจที่มีผลการทำงานของพนักงานธนาคารกรุงไทย จังหวัดพะเยา เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนธันวาคม 2554 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยหา ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยประชากร และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานประชากร สรุปผลการศึกษาค้นคว้า แรงจูงใจที่มีผลต่อการทํางานของพนักงานธนาคารกรุงไทย จังหวัดพะเยา โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการทํางานเป็นทีม รองลงมา คือ ด้านโอกาสในการพัฒนาตนเอง ด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ด้านสภาพแวดล้อมในการทํางาน ด้านการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ด้านลักษณะของงานและความรับผิดชอบ ด้านโอกาสในการก้าวหน้า ด้านนโยบาย ด้านการยอมรับนับถือ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ ตามลําดับ
- Itemประสิทธิภาพการให้บริการงานจัดเก็บรายได้กองคลังเทศบาลตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) จินเรศ สีสุหร่ายการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการให้บริการ งานจัดเก็บรายได้กองคลังเทศบาลตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา และเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหา และแนวทางแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการให้บริการงานจัดเก็บรายได้กองคลังเทศบาล ตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 345 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างจากผู้มีหน้าที่ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่และภาษีป้าย เก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ค่าอัตราร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- Itemพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในตำบลทุ่งกล้วย อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) ดวงดาว ปิงสุแสนการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ความรู้ในการดูแลตนเอง แรงสนับสนุนทางสังคม และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน และเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน โดยศึกษากับประชากร จำนวน 130 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และไคสแควร์ ผลการศึกษาพบว่า ระดับความรู้เรื่องโรคและความรู้ในการดูแลตนเองส่วนใหญ่ อยู่ในระดับดี ร้อยละ 77.7 แรงสนับสนุนทางสังคมของผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 48.5 และพฤติกรรมการดูแลตนเองในภาพรวมผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถดูแลตนเองในระดับดี ร้อยละ 55.4 และพบว่า ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน และความรู้ในการปฏิบัติตัวมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p value=0.032) เช่นเดียวกับแรงสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p value = 0.002)
- Itemกระบวนการสร้างหนังสือเล่มเล็กเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชนบ้านหลวง ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) อำพรรณ รัตนแพทย์การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการจัดทำหนังสือเล่มเล็ก ศึกษากระบวนการจัดทำหนังสือเล่มเล็ก และประเมินผลการจัดทำหนังสือเล่มเล็กของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชนบ้านหลวง ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ในระยะที่ 1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ ข้อมูลประวัติโรงเรียน ข้อมูลทั่วไปของโรงเรียน สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน มรดกทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นรอบโรงเรียน ระยะที่ 2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มนักเรียน จำนวน 4 กลุ่ม และระยะที่ 3 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้สอน เพื่อนนักเรียน และนักเรียนผู้เป็นเจ้าของผลงาน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ ระยะที่ 1 พบว่า ข้อมูลที่จะสร้างแรงบันใจในทำหนังสือเล่ม คือ ประวัติโรงเรียน ข้อมูลทั่วไปของโรงเรียน สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน มรดกทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ระยะที่ 2 พบว่า กระบวนการสร้างหนังสือเล่มเล็ก มีขั้นตอนการดำเนินการ 4 ขั้น ได้แก่ การตั้งชื่อเรื่อง การเขียนโครงเรื่อง การเขียนตัวเรื่อง และการจัดทำเป็นเล่มหนังสือ ระยะที่ 3 พบว่า หนังสือเล่มเล็กของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชนบ้านหลวง มีค่าเฉลี่ย คือ การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80.83 การเขียนเนื้อเรื่อง ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80.00 การเขียนสะกดคำและแต่งประโยค ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 79.17 การวาดภาพประกอบ ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 90.83 และการจัดทำรูปเล่ม ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 86.67 คะแนน รวมทุกกลุ่มเฉลี่ยร้อยละ 83.50 แสดงว่านักเรียนมีความสามารถในการสร้างหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง “ประเพณียี่เป็ง” อยู่ในระดับดีมาก
- Itemการวิเคราะห์การลงทุนในโครงการบ้านจัดสรร ตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) ชัยวัฒน์ กลิ่นหอมการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจัดสรรที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยวชั้นเดียว รวม 103 แปลง ตั้งอยู่บนที่ดิน เนื้อที่ 27 ไร่ 3 งาน 88 ตร.วา เป็นกรณีศึกษาที่เน้นถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงิน โดยใช้เกณฑ์การตัดสินใจในการลงทุนโครงการ ได้แก่ มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อัตราส่วนส่วนผลประโยชน์ต่อทุน (BCR) อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) ผลการศึกษาทางด้านเทคนิค พบว่า ผังโครงการนี้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยา พ.ศ. 2545 และข้อกฎหมายควบคุมอาคารทุกประการ เมื่อพิจารณาความเป็นไปได้ทางการเงิน โดยพิจารณาผลการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การวางแผนการขาย และการชำระคืนเงินกู้ของโครงการ รวมทั้งการปรับลดค่าใช้จ่าย ต้นทุน โดยอิงเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่พิจารณาจากมูลค่าหลักประกันสินเชื่อ อัตราหนี้สินต่อส่วนทุน (DE) ในแต่ละเดือนไม่ให้เกินสองเท่านั้น พบว่า มีความเป็นไปได้ ส่วนเงื่อนไขที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด คือ การใช้ระยะเวลาโครงการให้น้อยที่สุด และการขายบ้านหลังที่มีราคาแพงก่อน จากผลการศึกษาเงื่อนไขนี้ พบว่า โครงการจะมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิมีค่าเท่ากับ 8,131,750 บาท อัตราผลตอบแทนภายในโครงการเท่ากับ 43.83% (มากกว่าอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 20%) และอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อทุน (BCR) เท่ากับ 1.087 โดยมีส่วนล้ำมูลค่าหุ้นเท่ากับ 4.85 บาท/หุ้น จึงสรุปได้ว่าควรที่จะลงทุนในโครงการบ้านจัดสรร ตามกรณีศึกษานี้
- Itemการประเมินผลการดำเนินงานของงานพัสดุ มหาวิทยาลัยพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) ชนินทร์ จินดากาศการค้นคว้าแบบอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของงานพัสดุ ความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่พัสดุของมหาวิทยาลัยพะเยา รวมถึงปัญหา และอุปสรรคในการดำเนินงานของงานพัสดุ มหาวิทยาลัยพะเยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ เจ้าหน้าที่พัสดุ ของมหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 20 คน บุคลากรของมหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 200 คน และผู้ขายหรือผู้รับจ้าง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวข้างต้น นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ โดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงานของงานพัสดุ พบว่า เจ้าหน้าที่พัสดุ มีความสามารถในการให้บริการแก่ผู้มารับบริการได้เป็นอย่างดี เป็นที่พึงพอใจ ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของงานพัสดุ มากที่สุด คือ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม รองลงมา คือ ปัจจัยด้านความพร้อม และด้านโครงสร้าง ส่วนความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่พัสดุของมหาวิทยาลัยพะเยา ส่วนใหญ่ มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ในภาพรวมรวมอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุจะได้รับคำแนะนำ ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการทำงานจากผู้บังคับบัญชาอย่างดีเสมอ สำหรับปัญหา คือ งานพัสดุเป็นงานที่หนัก และต้องอาศัยกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ข้อเสนอแนะนั้น พบว่า ผู้บริหารจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในงาน ควรจะพิจารณาด้านจำนวนเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานให้มีพอเพียงกับปริมาณงาน และควรมีการมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน ควรจัดทำคู่มือ วิธีปฏิบัติ ขั้นตอนต่าง ๆ และความรู้เกี่ยวกับระเบียบ ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ
- Itemลักษณะภาษาเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านไร่-สันป่าสัก อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) จิราพร คำสมุทรการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาลักษณะคำ ลักษณะประโยค และลักษณะการเชื่อมโยงความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านไร่สันป่าสัก อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ ชิ้นงานการเขียนเรื่องจากภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านไร่สันป่าสัก อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา จำนวน 35 เรื่อง จากภาพที่กำหนดให้ 5 ภาพ ได้แก่ ภาพครอบครัว การทำงาน วันแม่ วันลอยกระทง และวันเด็ก เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล คือ แบบบันทึกลักษณะคำ แบบบันทึกลักษณะการผิด แบบบันทึกลักษณะประโยค และแบบบันทึกลักษณะการเชื่อมโยงความ โดยบันทึกข้อมูลในโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้ววิเคราะห์ 4 ประเด็น คือ ลักษณะคำ ลักษณะการผิด ลักษณะประโยค และลักษณะการเชื่อมโยงความ ผลการศึกษาสรุปได้ว่า 1. ลักษณะคำที่ปรากฏมี 6 แบบ ได้แก่ คำภาษาพูด คำสรรพนาม คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน และคำเชื่อม 2. ลักษณะการผิด ปรากฏทั้ง 2 ประเด็น ได้แก่ การเขียนคำผิด และการใช้ภาษา 3. ลักษณะประโยคปรากฏทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ประโยคความเดียว ประโยคความซ้อน และประโยคความรวม 4. การเชื่อมโยงความ ปรากฏทั้ง 4 ลักษณะ ได้แก่ การอ้างถึง พบว่า มี 3 ประเภท คือ การซ้ำนามวลีเดิม การใช้บุรุษสรรพนาม และการใช้คำแทนที่ การละ มีทั้งการละนามวลี กริยาวลี และอนุประโยค การใช้คำเชื่อม สัมพันธสารเป็นคำเชื่อมสมภาค และคำเชื่อมความลำดับเวลา และการใช้คำศัพท์ เป็นคำศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกัน และคำหนึ่งเป็นส่วนย่อยของอีกคำหนึ่ง
- Itemผลของโปรแกรมการออกกำลังกายแบบประยุกต์ใช้ตารางเก้าช่องที่มีต่อสมรรถภาพทางกายของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลร้องกวาง จังหวัดแพร่(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) กิรภัทร คุ้มเนตรการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา (Descriptive Study) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสมรรถภาพทางกายก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมการออกกำลังกาย แบบประยุกต์ใช้ตารางเก้าช่องของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลร้องกวาง จังหวัดแพร่ เพื่อเปรียบเทียบสมรรถภาพทางกายก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมการออกกำลังกาย แบบประยุกต์ใช้ตารางเก้าช่องของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลร้องกวาง จังหวัดแพร่ เลือกกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) คือ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลร้องกวาง จังหวัดแพร่ ที่มีความสมัครใจ และมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโปรแกรมการออกกำลังกาย แบบประยุกต์ใช้ตารางเก้าช่อง จำนวนทั้งหมด 30 คน โดยใช้สถิติ Pair t-test ที่ระดับความสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีสมรรถภาพทางกายด้านความยืดหยุ่นของกลุ่มกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านหลังส่วนล่าง ด้านความแข็งแรงอดทนของกลุ่มกล้ามเนื้อบริเวณท้อง ลำตัว ด้านความแข็งแรงอดทนของกลุ่มกล้ามเนื้อแขน ไหล่ หน้าอก และด้านความอดทนของระบบหายใจและไหลเวียนเลือด ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการออกกำลังกายแบบประยุกต์ใช้ตารางเก้าช่องมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05