ระดับปริญญาโท (Master Degree)

Permanent URI for this collection

Browse

Recent Submissions

Now showing 1 - 5 of 749
  • Item
    การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2023) วุฒิไกร ใจคำฟู
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยา 2) เพื่อศึกษาผลการใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความตระหนักต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยา 2.1 ศึกษาความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อมของนักเรียน 2.2. ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนของผู้เรียน 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้เรียนต่อหลักสูตร ระยะที่ 1 การพัฒนาหลักสูตรกลุ่มตัวอย่าง คือ อาจารย์ผู้สอน นักเรียน ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 83 คน ระยะที่ 2 การศึกษาผลการใช้หลักสูตร กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม แผนการจัดการเรียนรู้แบบประเมิน ความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อม แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความคิดเห็น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า (T-test) ผลวิจัยพบว่า 1) ข้อมูลพื้นฐานของครู และนักเรียนต้องการให้มีส่งเสริม และพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมในเรื่องสิ่งแวดล้อม อยู่ในระดับมากทุกด้าน (x̅ = 7.53, SD=1.097) 2)ผู้เรียนมีความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อมคิดเป็นร้อยละ 86.51 ระดับคะแนนคุณภาพมาก 3) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) ความคิดเห็นของผู้เรียนต่อการเรียนรู้หลักสูตรอยู่ในระดับมาก
  • Item
    การใช้กิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน (Learning Together) ร่วมกับกระบวนการ PGRADE เพื่อพัฒนาทักษะความพร้อมก่อนการประกอบอาชีพสำหรับนักเรียนบกพร่องทางสติปัญญาโรงเรียนเชียงรายปัญญานุกูล จังหวัดเชียงราย
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2023) วนัสวี ไชยวงค์
    การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมกับกระบวนการ PGRADE 2) เพื่อศึกษาผลการใช้กิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมกับกระบวนการ PGRADE และ 3) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนทักษะการสื่อสารและทักษะการทำงานเป็นทีมก่อน-หลังการใช้กิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมกับกระบวนการ PGRADE เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประกอบอาชีพ สำหรับนักเรียนบกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนบกพร่องทางสติปัญญา จำนวน 4 คน ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งกำลังฝึกงานการปลูกและแปรรูปชาเลือดมังกรในโรงเรียน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบประเมินทักษะการสื่อสารและทักษะการทำงานเป็นทีม แบบบันทึกผลทักษะความพร้อมด้านอาชีพ ตามกระบวนการ PGRADE กิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ และแผนการสอนเฉพาะบุคคล เป็นการศึกษารายกรณี รูปแบบ ABA Design วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า 1) กิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมกับกระบวนการ PGRADE มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นเตรียมการ ขั้นการจัดการเรียนรู้ ขั้นทำกิจกรรมกลุ่ม ขั้นตรวจสอบผลงานและทดสอบ และขั้นสรุปบทเรียน และประเมินผลการทำงานกลุ่ม มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด 2) ผลคะแนนทักษะการสื่อสารและทักษะการทำงานเป็นทีมสูงขึ้นต่อเนื่องในแต่ละกิจกรรม และ 3) ผลคะแนนทักษะการสื่อสาร และทักษะการทำงานเป็นทีม หลังการทำกิจกรรมกลุ่มสูงกว่าก่อนการทำกิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมกับกระบวนการ PGRADE
  • Item
    ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2023) ธนพล พรมโอก
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพี่อศึกษา 1) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษ 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูไทยที่ทำหน้าที่สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 จำนวนทั้งหมด 226 คน โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุคูณโดยการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเชิงเส้นพหุคูณโดยวิธีนำตัวแปรเข้าทั้งหมด ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 ประกอบด้วย ปัจจัยด้านบทบาทของครู ปัจจัยด้านบทบาทของนักเรียน และปัจจัยด้านบทบาทของโรงเรียน 2) ปัจจัยด้านบทบาทของครู ปัจจัยด้านบทบาทของนักเรียน และปัจจัยด้านบทบาทของโรงเรียน มีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 อยู่ในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ปัจจัยด้านบทบาทของโรงเรียน ปัจจัยด้านบทบาทของนักเรียน และปัจจัยด้านบทบาทของครู ตามลำดับ เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลอยู่ในระดับสูงซึ่งร่วมกันทำนายคุณภาพการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 ได้ร้อยละ 89.30 โดยสามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบและในรูปคะแนนมาตรฐานได้ตามลำดับ ดังนี้ Y ̂ = 0.153 + 0.191(X1) +0.231(X2) + 0.549(X3) และ Z ̂ = 0.193(X1) + 0.235(X2) + 0.570(X3)
  • Item
    การบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2023) พลพจน์ มูลฟอง
    การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 จำแนกตามเพศ และประสบการณ์การทำงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 จำนวน 310 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่ ใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความสอดคล้อง ค่าความเชื่อมั่น ค่า T–test ค่า F-test และทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยวิธีการของเชฟเฟ่ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ผลการวิจัย พบว่า 1) ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครู มีการบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีระดับค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และเอกสารออนไลน์ 2) ผลการเปรียบเทียบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสถานศึกษา พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษา และครูที่มีเพศต่างกันมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน แต่ผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารของสถานศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
  • Item
    ผลของการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ระบบภูมิคุ้มกันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2023) ธีริศรา ปงลังกา
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กระบวนการกลุ่ม และความพึงพอใจในการเรียนชีววิทยา เรื่อง ระบบภูมิคุ้มกันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 38 คน จากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบสังเกตกระบวนการกลุ่ม และแบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติการทดสอบค่าที (T-test) แบบสองกลุ่มสัมพันธ์กัน (Dependent Sample) และคะแนนพัฒนาการ ผลการศึกษาพบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชีววิทยา เรื่อง ระบบภูมิคุ้มกัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ สูงกว่าก่อนเรียน โดยมีค่าเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ 12.18 และ 21.26 ตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และพบว่า พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยของบลูม 4 ขั้น ทุกพฤติกรรมมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และมีคะแนนพัฒนาการอยู่ในระดับสูง มีกระบวนการกลุ่มและความพึงพอใจในการเรียนชีววิทยา เรื่อง ระบบภูมิคุ้มกัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ อยู่ในระดับมาก