ระดับปริญญาโท (Master Degree)

Permanent URI for this collection

Browse

Recent Submissions

Now showing 1 - 5 of 948
  • Item
    ปัจจัยที่ก่อให้เกิดกระบวนการของชาวต่างด้าวที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อไปประเทศที่สาม กรณีศึกษา: ผู้อพยพหลบหนีเข้าเมือง ชาวเกาหลีเหนือในเขตพื้นที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) อาจณรงค์ เวียงมูล
    การศึกษามีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ก่อให้เกิดกระบวนการของชาวต่างด้าว ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน เพื่อไปประเทศที่สาม และศึกษาแนวทางในการป้องกัน ผลักดันผู้อพยพชาวต่างด้าว ในการเดินทางไปประเทศที่สาม ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ ประชากรผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองชาวเกาหลีเหนือ และข้าราชการตำรวจสถานีตารวจภูธรเชียงแสน ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ก่อให้กระบวนการอพยพหลบหนี คือ 1) ปัจจัยผลักดันหรือพื้นที่ต้นทาง พบว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่มีฐานะยากจน มีความเป็นอยู่ที่ลำบาก รายได้ไม่เพียงพอกับการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน 2) ปัจจัยระหว่างกลาง พบว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 100,000-200,000 บาท สภาพพื้นที่เดินทางโดยทางเท้า และทางเรือ ใช้เวลา 15-21 วัน อุปสรรค คือ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไข้ป่า สัตว์มีพิษ และถูกคุกคามทางเพศ 3) ปัจจัยดึงดูด หรือพื้นที่ปลายทาง ประเทศที่สามจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คือ ประเทศเกาหลีใต้ ส่วนแนวทางป้องกันและผลักดัน คือ เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราทางน้ำ และแนวชายแดนลงโทษผู้รับจ้าง หรือผู้นำทางสถานหนัก
  • Item
    การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภองาว จังหวัดลำปาง
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) อติภรณ์ ศรีนันทา
    การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วม สภาพปัญหา และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการมีส่วนร่วม ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภองาว จังหวัดลำปาง ประชากร คือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภองาว จำนวน 86 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า และแบบสอบถามปลายเปิด ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ทั้ง 4 ด้าน โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับ คือ ด้านบริหารงานทั่วไป ด้านบริหารงานบุคคล ด้านบริหารงานวิชาการ ด้านบริหารงานงบประมาณ สำหรับสภาพปัญหาและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า 1) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานไม่ทราบบทบาทและหน้าที่ของตนเอง ควรจัดอบรมเกี่ยวกับบทบาท และจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสถานศึกษา 2) ไม่มีความรู้ในเรื่องงานด้านต่าง ๆ ควรให้ความรู้ในเรื่องงานด้านต่าง ๆ แก่คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนการปฏิบัติหน้าที่ 3) ขาดความเอาใจใส่ในงาน ไม่มีเวลาเพราะต้องหาเลี้ยงครอบครัว ควรให้ค่าตอบแทนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน ตลอดจนสร้างความตระหนัก และหาแนวร่วมในการทำงาน
  • Item
    การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนของโครงการจัดสรรรวมแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) โชคชัย ศิลปชัย
    การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจัดสรรที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยวชั้นเดียว สองชั้น ทาวน์เฮ้าส์ รวม 100 แปลง ตั้งอยู่บนโฉนดที่ดิน เนื้อที่ 20 ไร่ 2 งาน 73 ตร.ว. เป็นกรณีศึกษาที่เน้นถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงิน โดยใช้เกณฑ์การตัดสินใจในการลงทุนโครงการ ได้แก่ มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อัตราส่วนส่วนผลประโยชน์ต่อทุน (BCR) อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) ผลการศึกษาทางด้านเทคนิค พบว่า ผังโครงการนี้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดการจัดสรรที่ดินจังหวัดลำปาง พ.ศ. 2545 และข้อกฎหมายควบคุมอาคารทุกประการ เมื่อพิจารณาความเป็นไปได้ทางการเงิน โดยพิจารณาผลการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การวางแผนการขาย และการชำระคืนเงินกู้ของโครงการ รวมทั้งการปรับลดค่าใช้จ่าย ต้นทุน โดยอิงเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่พิจารณาจากมูลค่าหลักประกันสินเชื่อ อัตราหนี้สินต่อส่วนทุน (DE) ในแต่ละเดือนไม่ให้เกินสองเท่านั้น พบว่า มีความเป็นไปได้ ส่วนเงื่อนไขที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด และใช้เงินลงทุนน้อยสุดนั้น คือ การขยายระยะเวลาของโครงการ และการขายบ้านหลังที่มีราคาแพงก่อน ดีกว่าทำการขายโดยที่เน้นจำนวนอาคารเป็นหลัก จากผลการศึกษาเงื่อนไขนี้ พบว่า โครงการจะมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ มีค่าเท่ากับ 7,453,786 บาท อัตราผลตอบแทนภายในโครงการ เท่ากับ 24.05% (มากกว่าอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 15 %) และอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อทุน (BCR) เท่ากับ 1.1324 โดยมีส่วนเกินมูลค่าหุ้น เท่ากับ 4.36 บาทต่อหุ้น จึงสรุปได้ว่าควรที่จะลงทุนในโครงการจัดสรรรวม ตามกรณีศึกษานี้
  • Item
    การบริหารสินค้าคงคลังวัสดุสำนักงานแบบ ABC กรณีศึกษาส่วนงานการเงินและพัสดุ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) บุษยมาส กอกน้อย
    การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระบบการบริหารสินค้าคงคลังวัสดุสำนักงาน 2) เพื่อประยุกต์ใช้ระบบ ABC ในการแบ่งกลุ่มวัสดุสำนักงาน และ 3) เพื่อศึกษาหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด และจุดสั่งซื้อที่ต่ำที่สุดของ ของส่วนงานการเงินและพัสดุ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งเป็นการศึกษาค้นคว้าเชิงปริมาณแบบการสำรวจและเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบบันทึกข้อมูลและแบบสัมภาษณ์ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ รายการวัสดุสำนักงาน จำนวน 81 รายการ ในปีงบประมาณ 2555 และทำการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่หน่วยพัสดุ ผลการศึกษาพบว่า การบริหารสินค้าคงคลังวัสดุสำนักงานเดิมใช้วิธีการจดบันทึกด้วยมือ และมีการจัดเก็บวัสดุสำนักงานตามตู้เก็บวัสดุสำนักงาน ซึ่งอาจทำให้ส่งผลต่อระบบการบริหารวัสดุสำนักงานที่มีประสิทธิภาพ การบริหารสินค้าคงคลังวัสดุสำนักงานโดยการประยุกต์ใช้ระบบ ABC classification สามารถแบ่งกลุ่มวัสดุสำนักงานออกเป็น วัสดุสำนักงานกลุ่ม A จำนวน 16 รายการ มีต้นทุนรวมการใช้ ร้อยละ 74.94 และวัสดุสำนักงานกลุ่ม B จำนวน 24 รายการ มีต้นทุนรวมการใช้ ร้อยละ 16.72 และวัสดุสำนักงานกลุ่ม C จำนวน 41 รายการมีต้นทุนรวมการใช้ ร้อยละ 8.34 และปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด ต้นทุนรวมของการบริหารคลังวัสดุสำนักงานมูลค่าทั้งสิ้น 266,902 บาท โดยต้นทุนการจัดซื้อและต้นทุนการจัดเก็บวัสดุสำนักงานเท่ากัน คือ 133,451 บาท วัสดุสำนักงานกลุ่ม A มีต้นทุนการจัดซื้อและต้นทุนการจัดเก็บวัสดุสำนักงานเท่ากัน คือ 44,320 บาท และมีต้นทุนรวมของการบริหารคลังวัสดุสำนักงาน เท่ากับ 88,640 บาท วัสดุสำนักงานกลุ่ม B มีต้นทุนการจัดซื้อและต้นทุนการจัดเก็บวัสดุสำนักงานเท่ากัน คือ 38,993 บาท และมีต้นทุนรวมของการบริหารคลังวัสดุสำนักงาน เท่ากับ 77,986 บาท วัสดุสำนักงาน กลุ่ม C มีต้นทุนการจัดซื้อและต้นทุนการจัดเก็บวัสดุสำนักงานเท่ากัน คือ 50,138 บาท และมีต้นทุนรวมของการบริหารคลังวัสดุสำนักงาน เท่ากับ 100,276 บาท
  • Item
    โครงการออกแบบเปรียบเทียบสะพานที่มีการป้องกันการกัดเซาะและสะพานที่ไม่มีการกัดเซาะ หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) มานัส ทิศสุกใส
    การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการออกแบบโครงการออกแบบสะพานที่มีการป้องกันการกัดเซาะและสะพานที่ไม่มีการกัดเซาะ หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา และเพื่อหาต้นทุนในการก่อสร้างสะพานที่มีการป้องกันการกัดเซาะ และสะพานที่ไม่มีการกัดเซาะที่ปริมาณน้ำหลากสูงสุด (Return period) ที่ 5 ปี, 10 ปี, 20 ปี และ 25 ปี จากการศึกษาพบว่า ด้านการออกแบบสะพาน ยาว 8.00 เมตร ดีที่สุดเพราะ สามารถรับปริมาณน้ำฝนในรอบ 25 ปี โดยไม่ต้องสร้างการป้องกันการกัดเซาะ ส่วนต้นทุนในการก่อสร้างพบว่า ต้นทุนรายปีของการเกิดซ้ำ 5 ปี สะพานกว้าง 5.00 เมตร ยาว 5.00 เมตร กรณีที่มีการป้องกันการกัดเซาะ 142,007.85 บาท ต่อปี กรณีที่ไม่มีการป้องกันการกัดเซาะ 129,308.22 บาท ต่อปี (A/P, i 7%, 5งวด) ต้นทุนรายปีของการเกิดซ้ำ 10 ปี สะพานกว้าง 5.00 เมตร ยาว 6.00 เมตร กรณีที่มีการป้องกันการกัดเซาะ 90,448.07 บาท ต่อปี กรณีที่ไม่มีการป้องกันการกัดเซาะ 82,910.69 บาท ต่อปี (A/P, i 7%, 10งวด) ต้นทุนรายปีของการเกิดซ้ำ 20 ปี สะพานกว้าง 5.00 เมตร ยาว 7.00 เมตร กรณีที่มีการป้องกันการกัดเซาะ 75,458.73 บาท ต่อปี กรณีที่ไม่มีการป้องกันการกัดเซาะ 68,500.82 บาท ต่อปี (A/P, i 7%, 20 งวด) ต้นทุนรายปีของการเกิดซ้ำ 25 ปี สะพานกว้าง 5.00 เมตร ยาว 8.00 เมตร กรณีที่ไม่มีการป้องกันการกัดเซาะ 53,527.96 บาท ต่อปี (A/P, i 7%, 25งวด)