University of Phayao

Digital Collections

ฐานข้อมูลคลังปัญญา มหาวิทยาลัยพะเยา จัดทำโดยศูนย์บรรณสารและการเรียนรู้ สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม จัดเก็บและเผยแพร่ผลงานของคณาจารย์ นักวิจัย และนิสิต ของมหาวิทยาลัยพะเยา

นโยบายการรับผลงานการรับผลงานเข้าสู่ฐานข้อมูลคลังปัญญา มหาวิทยาลัยพะเยา จะคัดเลือกรับผลงานประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • Theses วิทยานิพนธ์
  • Dissertations ดุษฎีนิพนธ์
  • Independent Study รายงานการค้นคว้าอิสระ
  • Technical Report รายงานการวิจัย
  • Journal Paper บทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในบทความวารสาร
  • Bachelor’s Project ปัญหาพิเศษนักศึกษาปริญญาตรี
  • Patents สิทธิบัตร
  • Local Information Phayao Province ข้อมูลท้องถิ่นจังหวัดพะเยา
  • University of Phayao Archives จดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยพะเยา

ติดต่อสอบถามข้อมูลหรือส่งผลงานได้ที่ UPDC Support.

Photo by @inspiredimages
 

Recent Submissions

Item
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความเครียดในนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 จังหวัดพะเยา
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2021) สิประภา บุบผาวรรณา
การวิจัยแบบผสมผสานวิธีทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อปัจจัยที่สัมพันธ์ต่อความเครียดของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 จังหวัดพะเยา โดยการศึกษาเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 347 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอ้างอิง คือ สถิติทดสอบไค-สแควร์ และสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ส่วนการศึกษาเชิงคุณภาพเก็บข้อมูล โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลหลักที่เป็นผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 6 คน นักเรียน จำนวน 12 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาเชิงปริมาณด้านปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 67.7 รายได้ต่ำกว่า 1,000 บาท ร้อยละ 65.4 ไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 87.3 ปัจจัยด้านครอบครัว พบว่า ส่วนใหญ่บิดา-มารดาของนักเรียนอยู่ร่วมกัน ร้อยละ 63.1 การศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 42.9 ประกอบอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 47.0 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,000-10,000 บาท ร้อยละ 45.8 ความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับผู้ปกครองมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน ร้อยละ 92.2 ปัจจัยด้านการเรียน ส่วนใหญ่อยู่แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ร้อยละ 55.0 มีผลการเรียนอยู่ระหว่าง 3.00-3.49 ร้อยละ 37.5 ไม่มีการเรียนพิเศษหรือกวดวิชา ร้อยละ 83.3 และมีแผนการศึกษาต่ออุดมศึกษา ร้อยละ 79.0 ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในภาพรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านภูมิทัศน์ ด้านอาคารสถานที่ ด้านการเรียนการสอน ด้านสัมพันธภาพกับเพื่อน ด้านสัมพันธภาพกับครู อยู่ในระดับปานกลาง ระดับความเครียดส่วนใหญ่ อยู่ในระดับเครียดมาก ร้อยละ 47.6 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 ได้แก่ เพศ โรคประจำตัว แผนการเรียนที่กำลังศึกษามีแผนการศึกษาต่ออุดมศึกษา สัมพันธภาพกับเพื่อน สิ่งแวดล้อมด้านการเรียนการสอน และด้านภูมิทัศน์ ส่วนผลการศึกษาเชิงคุณภาพ พบว่า ผู้บริหารมีมุมมองว่าโรงเรียนพยายามพัฒนาระบบการศึกษาให้มีผลสนับสนุนการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ จัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรแต่ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน ส่วนมุมมองของนักเรียนเสนอว่ายังมีความเครียดด้านการเตรียมความพร้อมการศึกษาต่อ และยังกังวลด้านเศรษฐกิจ
Item
การบริหารงานภาครัฐแบบเครือข่ายในการจัดการขยะ : กรณีศึกษาเทศบาลตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2022) วณิชดา ไชยศิริ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ ปัญหาและอุปสรรคการบริหารงานภาครัฐแบบเครือข่ายในการจัดการขยะของเทศบาลตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง (พื้นที่ศึกษา) ดำเนินการศึกษาโดยการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยกำหนดกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 20 คน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 16 คน จากผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ศึกษา ส่วนที่ 2 เป็นการเลือกแบบบอลหิมะ จำนวน 4 คน จากเครือข่ายหรือส่วนสนับสนุนการจัดการขยะของพื้นที่ศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา (Descriptive Analysis) และนำมาสรุปผลการศึกษา ผลการศึกษา พบว่า ผลสัมฤทธิ์ของการบริหารงานภาครัฐแบบเครือข่ายในการจัดการขยะของพื้นที่ศึกษา สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านองค์ประกอบและคุณลักษณะของการบริหารงานแบบเครือข่าย ด้านบทบาทของเครือข่ายในการทำงานร่วมกัน และด้านการประสานงานกับหน่วยงาน/ความสัมพันธ์ สำหรับปัญหาและอุปสรรคสามารถสรุปได้ใน 5 ประเด็น ได้แก่ ขาดความต่อเนื่องในการดำเนินงาน, การประสานงานมีความล่าช้า, การบูรณาการระหว่างองค์กรยังไม่เพียงพอ, ปัญหาประชากรแฝง และผลกระทบจากนโยบายภายนอก และสำหรับข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษา คือ หน่วยงานที่เป็นผู้บริหารเครือข่ายควรมีการประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน
Item
การบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2018) ปวริศา ศิริตัน
การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพการบริหารจัดการศึกษา และการเปรียบเทียบการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จำแนกตามพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหาร และบุคลากรครูโรงเรียนที่มีความบกพร่องทางสิติปัญญา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กลุ่มภาคเหนือตอนบนและกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งหมด 200 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองทำการวิเคราะห์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสำเร็จรูป โดยใช้สถิติค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ T-test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า การบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ พบว่า โดยภาพรวมมีการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนอยู่ในระดับมากสำหรับด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ได้แก่ ด้านการบริหารงบประมาณ และด้านการบริหารทั่วไป รองลงมา ได้แก่ ด้านการบริหารงานบุคคล ส่วนด้านการบริหารวิชาการมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ผลการเปรียบเทียบการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จำแนกตามพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง พบว่า มีเพียงการบริหารงานด้านบุคคลเท่านั้นที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ส่วนการบริหารงานด้านการบริหารวิชาการ ด้านการบริหารงบประมาณ และด้านการบริหารทั่วไปไม่มีความแตกต่างกันอีกทั้งการบริหารจัดการศึกษาพื้นที่ ภาคเหนือตอนบนมีการบริหารจัดการศึกษามากกว่าภาคเหนือตอนล่าง
Item
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยพะเยา
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2015) เทวา หมื่นจันทร์
การศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัยพะเยา มีวัตถุประสงค์ เพื่อทราบถึงปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการปฏิบัติงานของการรักษาความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยพะเยา และเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยพะเยา ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมด จำนวน 132 คน และเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม ผลการศึกษาพบว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยพะเยาเป็น เพศชาย คิดเป็นร้อยละ 90.91 ช่วงอายุระหว่าง 30-39 ปี คิดเป็นร้อยละ 33.33 อยู่ในสถานภาพสมรส ร้อยละ 49.24 มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอเมืองพะเยา ร้อยละ 62.88 ระดับวุฒิการศึกษา ม.6 หรือเทียบเท่าคิดเป็นร้อยละ 43.94 ได้รับค่าตอบแทนประมาณ 10,000 - 14,999 บาท ต่อหนึ่งเดือนร้อยละ 50.76 มีประสบการณ์การทำงาน 0 - 10 ปี ร้อยละ 84.09 การประเมินด้านสภาพการปฏิบัติงานแบ่งออกเป็น 6 ด้าน ด้านที่ได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน มีค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ 4.26 และด้านสภาพการปฏิบัติงาน และความรับผิดชอบในหน้าที่ปกติ ได้คะแนนเฉลี่ยต่ำสุด คือ 3.88 การประเมินระดับของการปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยความคิดเห็นเฉลี่ยรวม 4.22 อยู่ในระดับมากที่สุด หากดูแต่ละข้อย่อย พบว่า ความคิดเห็นต่อการเห็นสิ่งผิดปกติขณะปฏิบัติหน้าที่เวรยาม จะรีบประสานผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องในทันทีมีคะแนนสูงสุด คือ 4.61 และพบว่า ความคิดเห็นต่อพื้นที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เวรยามนั้น มีแสงสว่างเพียงพอต่อการปฏิบัติงานมีความคิดเห็นต่ำสุด คือ 3.78
Item
สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาการลาออกการศึกษาของนิสิต มหาวิทยาลัยพะเยา
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2018) ญดา สุขเกิด
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการลาออกการศึกษาของนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา และเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการลาออกการศึกษาของนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ นิสิตมหาวิทยาลัยพะเยาที่ยื่นคำร้องลาออกการศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 268 คน ขอบเขตเนื้อหาที่ทำการศึกษา ได้แก่ สภาพปัญหาการลาออกการศึกษาของนิสิต เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลผลการศึกษาโดยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ในภาพรวมทั้ง 4 ด้าน พบว่า นิสิตมีความคิดเห็นต่อสภาพปัญหาการลาออกการศึกษาของนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านอาจารย์/บุคลากร อยู่ในระดับมาก นอกนั้นอยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านมหาวิทยาลัย และด้านนิสิตตามลำดับ ด้านนิสิต โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับปานกลางทุกข้อ โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ ต้องการศึกษาในสถาบันการศึกษาอื่น การปรับตัวเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด ความพร้อมทางครอบครัวในการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาในสาขาวิชาที่ไม่ตรงกับความสนใจ ความพร้อมด้านการเงิน หลักสูตรสาขาวิชาที่เรียนไม่ตรงกับความถนัด ความพร้อมด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมสถาบันการศึกษา ตามลำดับ ด้านมหาวิทยาลัย โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับปานกลางทุกข้อ โดยเรียงจากมากไปหาน้อย ดังนี้ สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอยู่ไกลบ้าน มหาวิทยาลัยมีกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาจากรัฐบาลและกองทุนกู้ยืมฉุกเฉิน ด้านสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยไม่มีคุณภาพความเชื่อมั่นในคุณภาพทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย ความปลอดภัยในการใช้บริการรถรับส่งภายในมหาวิทยาลัย การบริการรถรับส่งภายในมหาวิทยาลัย บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยที่เอื้อต่อการเรียนและการใช้ชีวิต และสิ่งอำนวยความสะดวกในมหาวิทยาลัย ตามลำดับ ด้านการจัดการเรียนการสอน โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงจากมากไปหาน้อย ดังนี้สื่อการเรียนการสอนไม่เพียงพอ ไม่มีคุณภาพ อาทิ เช่น มีการชำรุดบ่อย แต่ไม่มีการบำรุงรักษา การนำเอกสารในปีที่ผ่านมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน การมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ และหลักสูตรสาขาวิชาที่เรียนสอนไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ตามลำดับ และด้านอาจารย์/บุคลากร มีสภาพปัญหาการลาออกการศึกษา โดยรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก 3 ข้อ เรียงจากมากไปหาน้อย ดังนี้ การให้บริการของบุคลากร รองลงมา คือ ความเอาใจใส่ดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษา และการให้คำปรึกษาของคณาจารย์ นอกนั้นอยู่ในระดับปานกลางเรียงจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ความเอาใจใส่ด้านการเรียนของอาจารย์ผู้สอนต่อนิสิต ชื่อเสียงของอาจารย์ที่สอน ประสบการณ์ในการสอนของอาจารย์ผู้สอนเทคโนโลยีการถ่ายทอดความรู้ให้แก่นิสิต และคุณวุฒิของอาจารย์ผู้สอนตามลำดับ