ระดับปริญญาเอก(Doctoral Degree)

Permanent URI for this collection

Browse

Recent Submissions

Now showing 1 - 5 of 64
  • Item
    นวัตกรรมการเพิ่มคุณภาพการบริการผู้โดยสารของธุรกิจสายการบินพาณิชย์
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2020) ภูวดล งามมาก
    งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการของผู้โดยสารสายการบินพาณิชย์ 2) เพื่อศึกษาการรับรู้คุณภาพการใช้บริการในธุรกิจสายการบินพาณิชย์ 3) เพื่อกำหนดรูปแบบและการพัฒนาการเพิ่มคุณภาพการบริการของผู้โดยสารในธุรกิจสายการบินพาณชย์ ซึ่งป็นวิจัยแบบผสมโดยมี 2 รูปแบบ คือ การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยคุณภาพ ซึ่งผู้วิจัยได้กำหนดกลุ่มประชากรตัวอย่าง คือ ผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินพาณิชย์ รวมทั้งสิ้น จำนวน 400 คน แบบสอบถามปลายเปิด ที่ประกอบด้วย ข้อมูลลักษณะส่วนบุคคลของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินพาณิชย์ ข้อมูลด้านพฤติกรรมการใช้บริการของผู้โดยสารที่บริการในธุรกิจสายการบินพาณิชย์ข้อมูล ด้านการรับรู้คุณภาพการบริการในธุรกิจสายการบินพาณิชย์ และใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติเชิงอนุมานจะใช้สถิติทดสอบ Chi-Square test, T-test, F-test ในการทดสอบสมมติฐานจากการการทดสอบสมมติฐาน การวิจัยจะถูกนำมาสร้างเป็นบทสัมภาษณ์เชิงลึก แบบมีโครงสร้างกับกลุ่มประชากร คือ ภาครัฐ ได้แก่ องค์การการบินพลเรือน กรมการท่าอากาศยาน ตัวแทนผู้บริหารสายการบินพาณิชย์ และตัวแทนจัดการธุรกิจท่องเที่ยวในการสัมภาษณ์ใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อนวัตกรรมการเพิ่มคุณภาพการบริการของผู้โดยสาร ผลการวิจัยพบว่า 1) ด้านพฤติกรรมการใช้บริการของผู้โดยสารมีปัจจัยส่วนบุคคลของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินพาณิชย์ที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้บริการของผู้โดยสารสายการบินพาณิชย์ 2) ด้านการรับรู้คุณภาพการบริการ สามารถแบ่งช่วงการรับรู้คุณภาพการบริการในธุรกิจสายการบินพาณิชย์ ได้แก่ คุณภาพการให้บริการช่วงก่อนการขึ้นเครื่อง คุณภาพการให้บริการช่วงทำการบิน คุณภาพการให้บริการช่วงหลังทำการบิน พบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลส่งผลต่อนวัตกรรมการเพิ่มคุณภาพการบริการมากที่สุด ได้แก่ ด้านการตอบสนองความต้องการกับผู้โดยสาร (Responsiveness) ด้านบริการที่สัมผัสได้ทางกายภาพ (Tangibility) ด้านความมั่นใจกับผู้โดยสาร (Assurance) และ 3) ด้านกำหนดรูปแบบและการเพิ่มคุณภาพการบริการของผู้โดยสารในธุรกิจสายการบินพาณิชย์ ประกอบไปด้วย A = Assurance ความเชื่อมั่นต่อผู้โดยสาร R=Responsiveness การตอบสนองผู้โดยสาร T = Tangibility ความเป็นรูปธรรมของการบริการผู้โดยสาร I = Improvement = การปรับปรุงนวัตกรรม T = Trust ความไว้วางใจในการให้บริการ (ARTI MODE สุนทรียะแห่งการบริการสร้างความประทับใจ) เพื่อใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้บริการของผู้โดยสารเสริมสร้างวิสัยทัศน์ในการให้บริการ และพัฒนาขีดความสามารถให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะการแข่งขันที่รุนแรงได้
  • Item
    รูปแบบการพัฒนาครูเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะในศตวรรษที่ 21
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2022) จารุชา สมศรี
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบสมรรถนะในศตวรรษที่ 21 ของครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะในศตวรรษที่ 21 ของครู 3) สร้างและประเมินรูปแบบการพัฒนาครูเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะในศตวรรษที่ 21 การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 โดยใช้แบบวัด กลุ่มตัวอย่าง คือ ครู 450 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ และองค์ประกอบเชิงยืนยัน ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 โดยใช้แบบวัด กลุ่มตัวอย่าง คือ ครู 250 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิเคราะห์การถดถอยพหูคูณแบบเป็นขั้นตอน และเส้นทางอิทธิพล ขั้นตอนที่ 3 สร้างและประเมินรูปแบบการพัฒนาครู โดยนำองค์ประกอบที่มีค่าไอเกนสูงสุด และปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะครู มาสร้างรูปแบบการพัฒนาครู ใช้วิธีสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 10 คน นำร่างรูปแบบ ไปสร้างแบบสอบถามประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำไปปฏิบัติจากความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง 30 คน วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบทีแบบกลุ่มตัวอย่างเดียว ผลการวิจัยพบว่า 1. สมรรถนะในศตวรรษที่ 21 ของครู มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การจัดการเรียนรู้และวิจัยในชั้นเรียน2) การทำงานร่วมกับผู้อื่นและจรรยาบรรณวิชาชีพครู 3) การพัฒนาและประเมินหลักสูตร 4) จิตวิทยาการเรียนรู้ และ 5) การผลิตสื่อเทคโนโลยีและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยองค์ประกอบสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 ที่มีค่าไอเกนสูงสุด คือ สมรรถนะการจัดการเรียนรู้และวิจัยในชั้นเรียน 2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะในศตวรรษที่ 21 ของครู ได้แก่ วัฒนธรรมองค์กร และทัศนคติต่อการพัฒนาตนเอง 3. รูปแบบการพัฒนาครูที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการพัฒนาซึ่งมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร และทัศนคติต่อการพัฒนาตนเอง ส่วนที่ 2 การพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้และวิจัยในชั้นเรียนตามหลักการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 5 ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผนกำหนดเป้าหมาย การลงมือปฏิบัติ การสังเกตชั้นเรียน การสะท้อนผล และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ 4) แนวทางการประเมินผล ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า ผู้เกี่ยวข้องมีความคิดเห็นว่ารูปแบบมีความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในการนำไปปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
  • Item
    รูปแบบการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัยของสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2022) ชฎาภรณ์ จันทร์ประเสริฐ
    การวิจัยเรื่องรูปแบบการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัยของญี่ปุ่น และของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร และตรวจสอบรูปแบบเชิงทฤษฎีการบริหารงานวิชาการปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ 3) สร้างรูปแบบและประเมินรูปแบบการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน โดยมีกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ โรงเรียนที่เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล สังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 150 โรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบวัดมาตรวัดประเมินรวมค่า (Summated Rating Scale) มีค่าความเชื่อมั่นโดยมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาช (Cronbach’s Alpha) อยู่ระหว่าง 0.95-0.98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติพื้นฐานและสถิติอ้างอิง ได้แก่ การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ และการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลวิเคราะห์เปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร และของญี่ปุ่น ทั้ง 5 ด้าน ส่วนใหญ่มีประเด็นที่เหมือนกัน แต่มีประเด็นที่แตกต่าง ได้แก่ 1.1) ด้านการบริหารจัดการหลักสูตรปฐมวัย ในการจัดทำแผนงานวิชาการปฐมวัย สถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร ดำเนินการโดยสถานศึกษา แต่ญี่ปุ่นบริหารจัดการโดย กลุ่มผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนงานวิชาการปฐมวัยด้วย และวิธีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานวิชาการปฐมวัย ของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานครมีการประชุมสรุปผลงานรายเดือน และรายภาคการศึกษา ส่วนของญี่ปุ่นมีการประชุมสรุปผลงานรายวัน รายเดือนและรายภาคการศึกษา 1.2) ด้านการพัฒนาสื่อนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา สถานศึกษาระดับปฐมวัยของญี่ปุ่นไม่เน้นในประเด็นการส่งเสริมและจัดให้มีคอมพิวเตอร์สำหรับเด็กปฐมวัย 2) ผลวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร มีปัจจัย 9 ด้าน ที่ส่งผลต่อการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัย 3) ผลการตรวจสอบรูปแบบเชิงทฤษฎี โดยการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล พบว่า โมเดลปัจจัยเชิงทฤษฎีสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ปัจจัยที่มีค่าน้ำหนักในการส่งผลสูงสุด คือ ด้านผู้ปกครองและชุมชน รองลงมา คือ ด้านครูผู้สอน และ 4) ผลประเมินรูปแบบการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัย PIE Model โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด และโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบมีความเป็นไปได้และเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด
  • Item
    การวิเคราะห์การลู่เข้าของอัลกอริทึมการทำซ้ำแบบเร่งและการประยุกต์
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2023) ชนม์เจริญ ชัยรัตน์สิริพงศ์
    ทฤษฎีจุดตรึงมีการศึกษาในงานวิจัยต่างๆ มากมาย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการแก้ปัญหาในสาขาต่างๆ หลากหลายสาขา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เคมี และทฤษฎีเกม เป็นต้น วิธีการทำซ้ำเป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการประมาณค่าจุดตรึงของการส่งแบบไม่เชิงเส้น ในคณิตศาสตร์เชิงคำนวณ เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่จะรู้ว่าวิธีการทำซ้ำใด จะลู่เข้าสู่คำตอบได้รวดเร็ว หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าอัตราการลู่เข้า ดังนั้น เมื่อศึกษาขั้นตอนการทำซ้ำ เราจึงสนใจพิจารณาเกณฑ์สองข้อ คือ ความเร็วและความง่าย ในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ได้แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกของวิทยานิพนธ์นี้ คือ การนำเสนอเทคนิคการนูร์แบบใหม่ที่เรียกว่าการทำซ้ำแบบ CT สำหรับการประมาณค่าจุดตรึงของฟังก์ชันต่อเนื่องบนช่วงปิด จากนั้นจะให้เงื่อนไขที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับการลู่เข้าของการทำซ้ำแบบ CT ของฟังก์ชันต่อเนื่องบนช่วงปิด โดยเปรียบเทียบอัตราการลู่เข้าระหว่างการทำซ้ำที่สร้างขึ้นกับกระบวนการทำซ้ำแบบอื่นๆ ในงานวิจัยต่างๆ ก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลลัพธ์หลักแสดงให้เห็นว่าการทำซ้ำแบบ CT สามารถลู่เข้าสู่จุดตรึงได้เร็วกว่าการทำซ้ำแบบ CP ในขั้นตอนสุดท้ายได้ตัวอย่างเชิงตัวเลขเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์กับการทำซ้ำของมานน์, อิชิกาวา, นูร์, SP และ CP ส่วนที่สองของวิทยานิพนธ์คือได้แนะนำวิธีการทำซ้ำที่รวดเร็วแบบใหม่ที่ และให้ผลลัพธ์ของการลู่เข้าสำหรับการประมาณจุดตรึงของการส่งแบบไม่ขยายในปริภูมิบานาค นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่ากระบวนการทำซ้ำที่สร้างขึ้นลู่เข้าสู่จุดตรึงรวดเร็วกว่ากระบวนการทำซ้ำที่มีมาก่อนหน้านี้โดยสนับสนุนการพิสูจน์ทฤษฎีที่สร้างขึ้นด้วยตัวอย่างเชิงตัวเลข ในการประมาณค่าจุดตรึงด้วยโปรแกรม MATLAB ยิ่งไปกว่านั้นได้ประยุกต์ผลลัพธ์ที่ได้ในการหาคำตอบของปัญหาการหาค่าต่ำสุดที่จำกัด ปัญหาความเป็นไปได้ในแบบแยกส่วน และปัญหาการการกู้คืนภาพเบลอส่วนที่สาม โดยใช้การหดกลับ Sunny แบบไม่ขยาย ซึ่งแตกต่างจากภาพฉายเมตริกในปริภูมิบานาคได้นำเสนอการศึกษารูปแบบใหม่เกี่ยวกับวิธีการทำซ้ำสำหรับสองการส่งกึ่งไม่ขยายและได้ให้วิเคราะห์การลู่เข้าสำหรับวิธีการที่เสนอในปริภูมิบานาคนูนเอกรูป ยิ่งไปกว่านั้นผลลัพธ์ที่ได้ยังประยุกต์ขึ้นเพื่อค้นหาคำตอบร่วมของศูนย์ของตัวดำเนินการเพิ่มขึ้น ปัญหากำลังสองน้อยที่สุดที่จำกัดเชิงนูน และปัญหาการหาค่าต่ำสุดเชิงนูน นอกจากนี้ได้ทำการประยุกต์รูปแบบใหม่ของวิธีการเหล่านี้ไปยังปัญหาการหาอนุพันธ์ การกู้คืนภาพเบลอ และปัญหาการกู้คืนสัญญาณผลลัพธ์ที่ได้ในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เป็นการขยาย และวางนัยทั่วไปของบางผลลัพธ์ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้
  • Item
    กลวิธีการประกอบสร้างและแนวคิดการครองคู่ของตัวละครในนวนิยายหลากหลายความนิยมทางเพศรส
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2022) สุชัญญา วงค์เวสช์
    การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาวิเคราะห์นวนิยายหลากหลายความนิยมทางเพศรสในประเด็น กลวิธีการประกอบสร้าง และแนวคิดการครองคู่ของตัวละคร ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ นวนิยายหลากหลายความนิยมทางเพศรส จำนวน 15 เรื่อง โดยใช้กรอบแนวคิดองค์ประกอบของการสร้างนวนิยาย การวิเคราะห์ตัวละครและแนวคิดความสัมพันธ์ในการครองคู่ ผลการวิจัยพบว่า กลวิธีประกอบสร้างของนวนิยายหลากหลายความนิยมทางเพศรสแบ่งตามเพศวิถีของตัวละครเป็น 5 ประเภทความสัมพันธ์ ได้แก่ 1) ประเภทความสัมพันธ์ของตัวละครเกย์กับเกย์ 2 ประเภทความสัมพันธ์ของตัวละครไบเซ็กชวลกับเกย์ 3) ประเภทความสัมพันธ์ของตัวละครชายกับชาย 4) ประเภทความสัมพันธ์ของตัวละครเกย์กับชาย และ 5) ประเภทความสัมพันธ์ของตัวละครหญิงกับหญิง ประเด็นแนวคิดการครองคู่ตัวละครในแต่ละประเภทความสัมพันธ์ แบ่งตามขั้นตอนการดำเนินความสัมพันธ์ได้ 3 ขั้น คือ 1) แนวคิดการครองคู่ระยะเริ่มต้น เกิดจากความพึงพอใจรูปลักษณ์ลักษณะนิสัยที่สอดคล้องกัน พึ่งพาอาศัยได้และมีรสนิยมทางเพศตรงกัน รูปแบบความสัมพันธ์เป็นแบบไม่ผูกมัดและเน้นเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ 2) แนวคิดการครองคู่ระยะเปิดรับความสัมพันธ์ เกิดจากความใกล้ชิด พึงพอใจในรสนิยมและความสบายใจในปฏิสัมพันธ์ รูปแบบความสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นแบบเพศรสเสน่หาและความลุ่มหลง และ 3) แนวคิดการครองคู่ระยะสรุปความสัมพันธ์ ปิดเรื่องด้วยความสุขสมหวัง สร้างทางออกในการครองคู่ของตัวละครแบบรักเพศเดียวกัน ด้วยการสร้างครอบครัวที่มีความมั่นคง นวนิยายหลากหลายความนิยมทางเพศรสทั้ง 5 ประเภทความสัมพันธ์มีกลวิธีการประกอบสร้างและแนวคิดการครองคู่เป็นไปตามรูปแบบและองค์ประกอบของการสร้างนวนิยาย โดยเน้นการเล่าถึงรูปแบบความสัมพันธ์และปัญหาของความรักแบบเพศเดียวกัน โครงสร้างในการดำเนินเรื่องของแต่ละประเภทความสัมพันธ์ได้นำบรรทัดฐานรักต่างเพศ ปัญหาเรื่องเพศ ปัญหาทางจิตของตัวละคร ปัญหาสังคมมาเป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์เพื่อให้ตัวละครแก้ไขปัญหา และพิสูจน์ว่ารักร่วมเพศหรือความรักในเพศเดียวกันสามารถเกิดขึ้นได้ รวมถึงการสร้างแนวคิดให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องความเป็นปกติในความสัมพันธ์แบบรักเพศเดียว ผ่านความสัมพันธ์ของตัวละครบนพื้นฐานของความพึงพอใจ ความเข้าใจและความสบายใจ