ระดับปริญญาเอก(Doctoral Degree)
Permanent URI for this collection
Browse
Recent Submissions
- Itemการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับพนักงานในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดเชียงราย(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2018) ศิรินพรรณ ชุ่มอินทจักรการศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการของพนักงานในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในการเรียนรู้ด้วยตนเอง 2) สร้างหลักสูตรเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับพนักงานในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก 3) ประเมินประสิทธิภาพของหลักสูตรเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับพนักงานในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก และ 4) นำเสนอหลักสูตรเรียนรู้ด้วยตนเองของพนักงานในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดเชียงราย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ โรงแรม จำนวน 82 แห่ง ใน 3 อำเภอ คือ อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ ผู้วิจัยทำการเก็บข้อมูลเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กซึ่งมี จำนวน 55 แห่ง แห่งละ 2 คน รวมเป็นจำนวน 110 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามความต้องการเรียนรู้ด้วยตนเอง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียน แบบประเมินหลักสูตรเรียนรู้ด้วยตนเอง และแบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) และ T-test ผลการวิจัยพบว่า 1) การศึกษาความต้องการของ พนักงานในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก พบว่า ด้านสมรรถนะหลัก พนักงานในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กมีความต้องการฝึกอบรมตามมาตรฐานวิชาชีพ ด้านการโรงแรมทางด้านการทำงานเป็นทีมมากที่สุด ด้านสมรรถนะตามหน้าที่ การดำเนินงานสำนักงานส่วนหน้ามากที่สุด และด้านสมรรถนะทั่วไป การสื่อสารทางโทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และผลของการวิเคราะห์ข้อมูลด้านรูปแบบในการพัฒนาตนเอง พบว่า มีความต้องการที่จะฝึกอบรมจากชุดฝึกอบรมด้วยตนเองมากที่สุด 2) การสร้างหลักสูตรการวิจัย และพัฒนาหลักสูตรเรียนรู้ด้วยตนเองจากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน พบว่า ความสอดคล้องของโครงสร้างและเนื้อหาในหนังสือหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองของพนักงานต้อนรับ ในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดเชียงราย มีความเหมาะสมอยู่ในระดับดีและมีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ในระดับมาก 3) การประเมินประสิทธิภาพการเรียนรู้ด้วยตนเองของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างได้รับการเรียนรู้จากหลักสูตรด้วยตนเองแล้วมีคะแนนหลังสอบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 4) การประเมินความพึงพอใจในหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองของพนักงานต้อนรับในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดเชียงราย พบว่า ความคิดเห็นในภาพรวมมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก หากพิจารณารายข้อ พบว่า คะแนนความพึงพอใจในเนื้อหาด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในที่ทำงานอยู่ในระดับสูงกว่าเนื้อหาอื่น
- Itemแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธร(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2023) พูนทรัพย์ เศษศรีการศึกษาครั้งนีมี้วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาศักยภาพของการท่องเที่ยวจังหวัดยโสธร 2) ศึกษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจังหวัดยโสธร สำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3) ศึกษาพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธร 4) ศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่นักท่องเที่ยวชาวไทยในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธร และ 5) สร้างแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธร ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการวิจัยแบบผสม (Mixed Methods) โดยการวิจัยเชิงคุณภาพใช้สัมภาษณ์เชิงลึกจากบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน ประชาชน นักวิชาการ และหน่วยงาน NGO จำนวนทั้งหมด 26 คน ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณใช้การสอบถามจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาท่องเที่ยว และเคยมาท่องเที่ยวจังหวัดยโสธร จำนวน 400 คน เครื่องมือ คือ แบบสอบถาม ผลจากการศึกษาพบว่า 1) ศักยภาพของการท่องเที่ยวจังหวัดยโสธรที่ควรได้รับการส่งเสริม และพัฒนาสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธร คือ ระบบการขนส่งจากตัวเมืองไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดยโสธร เนื่องจากยังไม่มีไว้สำหรับการให้บริการนักท่องเที่ยว และการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว งานประเพณี อาหารท้องถิ่น ศิลปะการแสดง และดนตรีท้องถิ่นที่มีอยู่ในจังหวัดยโสธร สู่สายตานักท่องเที่ยวยังมีน้อยเกินไป 2) อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมจังหวัดยโสธร สำหรับนำมาใช้ในการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธร พบว่า อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นของจังหวัดยโสธรมี 5 ด้าน คือ ด้านแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ด้านงานประเพณีและเทศกาล ด้านสินค้าและหัตถกรรมจากภูมิปัญญา ด้านอาหารท้องถิ่น และด้านศิลปะการแสดงดนตรีท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่ถือเป็นสิ่งดึงดูดใจที่จะสามารถนำมาใช้สำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธรได้ 3) พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดยโสธรส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โดยมีระยะเวลาที่ใช้ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง 2 วัน เลือกท่องเที่ยวช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ ความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดยโสธรปีละครั้ง และมีค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวแต่ละครั้งมากกว่า 3,001 บาทขึ้นไป ผู้ร่วมเดินทางส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัวและญาติ เลือกแหล่งท่องเที่ยวประเภทวัด เลือกพักในโรงแรม และเลือกพาหนะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว 4) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีความสำคัญกับนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเลือกมาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดยโสธร คือ ปัจจัยด้านลักษณะเฉพาะของพื้นที่ (Particularity) และ 5) แนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธร คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์จังหวัดยโสธรด้วยรูปแบบ HIGH DNA Model ประกอบด้วย การสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นของแท้และดั้งเดิมของวัฒนธรรม (Heritage Cultural = H) การสนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดยโสธร (Investment = I) การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance = G) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource = H) การพัฒนาแบบองค์รวม (Development = D) การสร้างเครือข่ายทุกภาคส่วน (Networked = N) และการนำนวัตกรรมแอปพลิเคชันมาใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว (Application = A)
- Itemแนวทางการจัดการธุรกิจสปาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ใช้บริการสปาในประเทศไทย(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2020) ปฏิภาณ บัณฑุรัตน์การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเรื่อง แนวทางการจัดการธุรกิจสปาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ใช้บริการสปาในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มของธุรกิจสปาในประเทศไทย 2) เพื่อวิเคราะห์ตลาดการท่องเที่ยว การรับรู้คุณภาพการบริการ การจัดการธุรกิจสปา ความพึงพอใจนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการสปาในประเทศไทย และ 3) เพื่อเสนอแนวทางการจัดการธุรกิจ สปาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ใช้บริการสปาในประเทศไทย การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 3 กลุ่ม คือ 1) หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 9 คน 2) หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 10 คน และ 3) นักท่องเที่ยว จำนวน 10 คน โดยผลวิจัยพบว่า ธุรกิจสปาในประเทศไทยมีความโดดเด่น และได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งในด้านศักยภาพการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน ด้านบุคลากรที่ให้บริการ ในส่วนของการตลาดการท่องเที่ยว การรับรู้คุณภาพการให้บริการ การจัดการธุรกิจสปาความพึงพอใจนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการสปาในประเทศไทย โดยในด้านผลิตภัณฑ์สปาไทยมีความโดดเด่นในความหลากหลายของการให้บริการ มีการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เน้นความเป็นไทย และตั้งราคาขายแบบ High Value จึงเป็นการกำหนดอัตราของราคาการบริการที่มีคุณค่าสูง มีการจัดการตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้มากสำหรับแนวทางในการจัดธุรกิจสปาในประเทศไทย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น มีการเสนอแนวทางในหลายแง่มุม ซึ่งสรุปออกมาได้เป็น 7 ประเด็น คือ 1) ด้านมาตรฐานและความปลอดภัย 2) การจัดการด้านการประชาสัมพันธ์ 3) มาตรการกำชับการดำเนินกิจการอย่างถูกต้อง 4) งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ 5) สร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชน 6) สถานประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาจุดเด่น 7) มีมาตรการลงโทษผู้ฉวยโอกาสกับนักท่องเที่ยว
- Itemยุทธศาสตร์การสื่อสารการตลาดแบบดิจิทัล สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว 4.0(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2019) พิริยะ เงินศรีสุขงานวิจัยเรื่อง ยุทธศาสตร์การสื่อสารการตลาดแบบดิจิทัลสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว 4.0 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่ม 4.0 2) เพื่อศึกษาส่วนประสมทางการตลาดบริการ และการตลาดดิจิทัลสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว 4.0 3) เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การสื่อสารการตลาดแบบดิจิทัลสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว 4.0 การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบคุณภาพ เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ให้ข้อมูล สำคัญ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยว 4.0 และกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงเนื้อหาจากผลการวิจัย ผู้วิจัยได้นำข้อมูลมาสรุปเพื่อกำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์การสื่อสารการตลาดแบบดิจิทัลสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว 4.0 โดยสามารถสรุปออกมาเป็น 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) ผู้นำองค์กรต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดของตนเอง 2) บุคลากรต้องพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน 3) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเทคโนโลยีภายในองค์กร 4) เสริมความแข็งแกร่งด้วยเครื่องมือทางดิจิทัล 5) พัฒนาแผนการสื่อสารการตลาดด้วยกลยุทธ์ทางด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัล ดังนี้ กลยุทธ์การสร้างตัวตนของลูกค้า (Customer Personal), กลยุทธ์การสร้างหรือการหาเครื่องมือดิจิทัล, กลยุทธ์การประเมินช่องทางการตลาดและเงินทุน, กลยุทธ์การตลาด 5A, กลยุทธ์ทางด้านการตลาดเนื้อหา (Content Marketing), กลยุทธ์การดึงความสนใจลูกค้า (Inbound Marketing Strategy) และกลยุทธ์การตลาดผู้มีอิทธิพล (Influencer Marketing) 6) ลงมือทำและขยับขับเคลื่อนองค์กรไปตามแผนการที่วางไว้
- Itemยุทธศาสตร์แบบบูรณาการเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมายของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2019) ธนิชชา ชัยชัชวาลประทีปงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมายของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2) เพื่อหาแนวทางความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมายของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ 3) เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์แบบบูรณาการเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมายของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยแบบผสม (Mixed methodology research) คือ การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) ที่เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ จำนวน 400 คน และทำการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลหลัก ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และนักวิชาการ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา และใช้การตรวจสอบข้อมูลสามเส้า โดยผลการวิจัยพบว่า แนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมายของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ 1) พัฒนาด้านเศรษฐกิจ 2) พัฒนาด้านสังคม 3) พัฒนาด้านวัฒนธรรม และ 4) พัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม โดยสามารถสร้างเป็นยุทธศาสตร์แบบบูรณาการเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมายของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) การส่งเสริมให้อำเภอหัวหินดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2) การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบริการทางการท่องเที่ยว 3) การบริหารจัดการการท่องเที่ยวแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน และ 4) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อดำรงรักษาความเป็นเมืองเป้าหมาย