Browse
Recent Submissions
Now showing 1 - 5 of 71
- Itemการประเมินภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยโดยแบบสอบถาม A Simple Questionnaire to Rapidly Diagnose Sarcopenia (SARC-F scores) และสมรรถภาพทางกายภาพในผู้สูงอายุในชุมชน(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2019) กิตติวรา ศิริมาตย์; ฐิติมา สุวรรณรัฐภูมิ; ธนานันท์ วงค์ธิมาความเป็นมาหรือภูมิหลัง: ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย เป็นกลุ่มอาการของโรคผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น โดยมีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงและสมรรถภาพทางร่างกายลดลง วัตถุประสงค์: เพื่อนำแบบสอบถาม A Simple Questionnaire to Rapidly Diagnose Sarcopenia (SARC-F scores) คัดกรองผู้สูงอายุในชุมชนที่มีความเสี่ยงต่อภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย และเปรียบเทียบสมรรถภาพทางกายและสมรรถภาพปอดระหว่างผู้ที่มีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยและผู้ที่มีภาวะมวลกล้ามเนื้อปกติ วิธีการ: คัดกรองภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยโดยใช้แบบสอบถาม SARC-F scores จากนั้นประเมินมวลกล้ามเนื้อด้วยวิธี Mid-arm muscles circumference (MAMC) ประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยการทดสอบ Handgrip strength (HGS) และ Leg dynamometer ประเมินสมรรถภาพทางกายเพื่อบ่งบอกถึงการทรงตัวและการเคลื่อนไหว โดยการทดสอบ Short physical performance battery (SPPB), Time up and go test (TUG), 4-meter gait speed (4MGS) และ Five time sit to stand (5TSTS) การทดสอบสมรรถภาพปอด โดยการทดสอบ Peak Expiratory Flow Rate (PEFR) ผลการศึกษา: ผู้สูงอายุทั้งหมด จำนวน 100 คน มีอายุเฉลี่ยระหว่าง 70.22 ± 6.23 ปี พบความชุกของผู้ที่มีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยร้อยละ 38 (38 คน) และผู้สูงอายุที่มีมวลกล้ามเนื้อปกติร้อยละ 62 (62 คน) ผู้ที่มีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย มีอายุที่เพิ่มมากขึ้น มีประวัติโรคความดันโลหิตสูง ดัชนีมวลกายและมวลกล้ามเนื้อลดลง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ สมรรถภาพทางกายและสมรรถภาพปอดต่ำกว่าผู้ที่มีภาวะมวลกล้ามเนื้อปกติ สรุปผลการศึกษา: แบบสอบถามคัดกรองภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยชนิด SARC-F scores มีความสัมพันธ์กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ มวลกล้ามเนื้อ สมรรถภาพทางกาย และสมรรถภาพปอด ดังนั้นแบบสอบถาม SARC-F scores จึงเป็นแนวทางในการประเมินผู้สูงอายุในชุมชนที่มีความเสี่ยงต่อภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยและมีความบกพร่องในการทำกิจวัตรประจำวัน
- Itemผลของดนตรีบำบัดต่อความคล่องแคล่ว การทรงตัว และภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2018) ณัฐณิชา บุตรโพธิ์; สโรชา เสริฐปัญญา; อดิศา งานลอที่มา: ผู้สูงอายุ คือ วัยที่มีการปลี่ยนแปลงหลากหลายด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย เช่น สมรรถภาพทางกายเสื่อมถอย ส่งผลให้ความคล่องแคล่วและการทรงตัวลดน้อยลง ทางด้านสังคม โดยมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น ภาระหน้าที่และบทบาททางสังคมลดน้อยลง และทางด้านอารมณ์ จิตใจ เช่น อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย รู้สึกหงุดหงิด น้อยใจ รู้สึกลำพังไม่มีที่พึ่ง และรู้สึกเป็นภาระของผู้อื่นซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะซึมเศร้า วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลของดนตรีบำบัดต่อความคล่องแคล่ว การทรงตัว และภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุระหว่างกลุ่มที่ไม่ได้รับดนตรีบำบัดและกลุ่มที่ได้รับดนตรีบำบัด วิธีการศึกษา: ศึกษาในผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60-80 ปี จำนวน 24 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยการสุ่มแบบชั้นภูมิกลุ่มละ 12 คน คือ กลุ่มควบคุม : กลุ่มที่ไม่ได้รับดนตรีบำบัดและทำกิจวัตรประจำวัตรตามปกติ และกลุ่มดนตรีบำบัด : กลุ่มที่ได้รับดนตรีบำบัด โดยฟังดนตรีเป็นเวลา 40 นาที/วัน จำนวน 4 วัน/สัปดาห์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มจะได้รับการทดสอบ Agility course test, Time up and go test และแบบวัดความซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย (Thai Geriatric Depression Scale: TGDS) ทั้งก่อนและหลังการรับดนตรีบำบัด ผลการศึกษา: ภายหลังการรับดนตรีบำบัดกลุ่มดนตรีบำบัดมีค่า Agility course test และ Time up and go test ลดลง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) และมีแนวโน้มของภาวะซึมเศร้าลดลง ส่วนกลุ่มควบคุมมีค่า Agility course test ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้อาจมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น กิจกรรมทางกายระดับของภาวะซึมเศร้า การนอนหลับ สถานภาพทางครอบครัว เป็นต้น สรุปผลการศึกษา: โปรแกรมดนตรีบำบัดเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความคล่องแคล่ว การทรงตัว และมีแนวโน้มของภาวะซึมเศร้าลดลง
- Itemผลการรักษาของแผ่นประคบร้อนข้าวและสมุนไพรไทยต่ออาการปวดในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2018) ปาลิตา ปิติวุฒิ; สิริพร แก้วมา; เพ็ญพิชชา มโนราชการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการรักษาอาการปวดด้วยแผ่นประคบร้อนข้าวและสมุนไพรไทยในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่เฉพาะเจาะจงอาสาสมัครทั้งหมด 40 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยสุ่มตัวอย่างแบบง่าย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 20 คน และกลุ่มควบคุม 20 คน โดยกลุ่มทดลองจะได้รับการรักษาด้วยแผ่นประคบร้อนข้าวและสมุนไพรไทย และกลุ่มควบคุมจะได้รับการรักษาด้วยแผ่นประคบร้อนมาตรฐาน เป็น ระยะเวลา 20 นาที จำนวน 6 ครั้ง นาน 2 สัปดาห์ โดยอาสาสมัครจะได้รับการตรวจประเมินระดับความเจ็บปวด วัดขีดกั้นความรู้สึกเจ็บปวดด้วยแรงกด ความยึดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง วัดองศาการเคลื่อนไหวของหลัง และแบบทดสอบวัดความรุนแรงและการจำกัดกิจวัตรประจำวันจากอาการปวดหลัง ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองมีระดับความเจ็บปวดและความรุนแรงของอาการปวดหลังส่วนล่างลดลง และขีดกั้นความรู้สึกเจ็บปวดด้วยแรงกด ความยึดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างและองศาการเคลื่อนไหวของหลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ หลังจากได้รับการรักษา (p<0.05) แต่อย่างไรก็ตามค่าขีดกั้นความรู้สึกเจ็บปวดในกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยแผ่นประคบร้อนข้าวและสมุนไพรไทย มีระดับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยแผ่นประคบร้อนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) หลังจากรักษาครบ 6 ครั้ง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า แผ่นประคบร้อนข้าวและสมุนไพรไทยเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาทางกายภาพบำบัดเพื่อบรรเทาอาการปวดและเพิ่มค่าขีดกั้นความรู้สึกเจ็บปวด
- Itemผลทันทีของการรักษาด้วยแผ่นประคบร้อนสมุนไพรไทยในผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรม(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2019) จิตรทิพย์ บุญรักษ์; สัจจพร ศรีวิชัย; อภิญญา ธัญญเจริญที่ผ่านมามีการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาแผ่นประคบร้อนสมุนไพรไทยด้วยคลื่นไมโครเวฟรายงานว่า แผ่นประคบร้อนสมุนไพรไทยให้ผลด้านความร้อนเทียบเท่ากับแผ่นประคบร้อนมาตรฐาน วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ เพื่อศึกษาผลทันทีของแผ่นประคบร้อนสมุนไพรไทยที่มีผลต่ออาการปวดกล้ามเนื้อทราพีเซียสส่วนบน และบริเวณคอ บ่า ไหล่ ในกลุ่มผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรม ทำการศึกษาในอาสาสมัครทั้งหมด 48 ราย โดยแบ่งกลุ่มออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มทดลองจะได้รับการรักษาด้วยแผ่นประคบร้อนสมุนไพรไทย จำนวน 24 คน (อายุเฉลี่ย 22.18) และกลุ่มควบคุมจะได้รับการรักษาด้วยแผ่นประคบร้อนมาตรฐาน จำนวน 24 คน (อายุเฉลี่ย 21.75) เป็นระยะเวลา 30 นาที อาสาสมัครจะได้รับการประเมินความเจ็บปวดด้วยมาตราวัดความเจ็บปวดด้วยสายตา (Visual Analogue scales, VAS) และระดับการรับรู้ความเจ็บปวดด้วยแรงกด (Pressure Pain Threshold, PPT) ข้อมูลความเจ็บปวดและระดับการรับรู้ความเจ็บปวดด้วยแรงกดจะถูกวิเคราะห์ด้วยสถิติ Wilcoxon matched pair signed rank test ผลการศึกษาพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของอาการปวด และการรับรู้ความเจ็บปวดด้วยแรงกดของกล้ามเนื้อทราพีเซียสส่วนบน และบริเวณ คอ บ่า ไหล่หลังจากการรักษาทันที (p = 0.000) การศึกษานี้สรุปได้ว่า ผลทันทีของแผ่นประคบร้อนสมุนไพรไทยสามารถลดอาการปวดได้ในผู้ป่วยกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรมที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อทราพีเซียสส่วนบน และบริเวณ คอ บ่า ไหล่
- Itemผลของการเดินถอยหลังต่อความคล่องแคล่วในวัยรุ่นหญิงที่มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2019) เกศรินทร์ อินตุ้ย; ศิริวรรณ ฤทธิกรณ์; อาทิตยา จันทร์แว่นการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการเดินถอยหลังต่อความคล่องแคล่วในวัยรุ่นหญิงที่มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน โดยทำการศึกษาในวัยรุ่นหญิง อายุระหว่าง 18-24 ปี และมีค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 23.0- 40.0 kg/m จำนวน 30 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม 15 คน และกลุ่มทดลอง 15 คน ทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับการทดสอบความคล่องแคล่วโดยใช้การทดสอบ T-test และการวิ่งเก็บของ (Shuttle run test) ในช่วงก่อนการทดลอง (Pre-test) และหลังการทดลอง (Post-test) อาสาสมัครกลุ่มควบคุมจะไม่ได้รับโปรแกรมการเดินถอยหลัง และให้ทำกิจวัตรประจำวันของตนเองตามปกติในขณะที่อาสาสมัครในกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการเดินถอยหลัง โดยจะเดินถอยหลังเป็นระยะเวลา 15 นาทีต่อวัน 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่า ในการทดสอบ T-test กลุ่มทดลองมีค่าระยะเวลาในช่วงหลังการทดลองลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) และทั้ง 2 กลุ่มไม่มีความแตกต่างกันในทั้ง 2 ช่วงและการทดสอบการวิ่งเก็บของ (Shuttle run test) พบว่า ในช่วงหลังการทดลองค่าระยะเวลาในกลุ่มควบคุมมีค่าเพิ่มขึ้นในขณะที่กลุ่มทดลองมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการทดลอง และกลุ่มทดลองมีค่าน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การเดินถอยหลังเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ สามารถเพิ่มความคล่องแคล่วในวัยรุ่นหญิงที่มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนได้