ระดับปริญญาเอก(Doctoral Degree)

Permanent URI for this collection

https://updc.up.ac.th/handle/123456789/36

Browse

Browsing ระดับปริญญาเอก(Doctoral Degree) by Subject "Achievement work"

Now showing 1 - 1 of 1
  • No Thumbnail Available
    Item
    รูปแบบการบริหารการพัฒนาสมรรถนะการทำงานของครูในโรงเรียนเครือคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพ
    (มหาวิทยาลัยพะเยา, 2024) ธนาคาร จันทร์ลือชัย
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุของสมรรถนะการทำงานของครูในโรงเรียนเครือคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ 2) ศึกษารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการทำงานของครูในโรงเรียนเครือคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ 3) สร้างและประเมินรูปแบบการบริหารการพัฒนาสมรรถนะการทำงานของครูในโรงเรียนเครือคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เสริมด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเป็นครูในโรงเรียนเครือคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ จำนวน 334 คน ได้จากการสุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิ (stratified random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบวัด 10 แบบวัด เป็นแบบมาตรประเมินรวมค่า มีค่าจำแนกรายข้อตั้งแต่ .216 ถึง .827 มีค่าความเที่ยง (α) ตั้งแต่ .765 ถึง .886 2) แบบประเมินรูปแบบการบริหารการพัฒนา สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลมีทั้งสถิติพื้นฐานและสถิติอ้างอิง โดยสถิติอ้างอิงที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ และการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยเชิงสาเหตุของสมรรถนะการทำงานของครูประกอบด้วย ปัจจัยภายนอกด้านนโยบายของผู้บริหาร บรรยากาศที่ส่งเสริมการทำงาน การสนับสนุนทางสังคม การสื่อสารในองค์การ และปัจจัยภายในด้านแรงจูงใจในการทำงานให้สำเร็จ ทัศนคติต่อการทำงานเป็นทีม การเชื่ออำนาจในตนในการทำงาน ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยกลุ่มตัวแปรปัจจัยภายนอกสามารถอธิบายสมรรถนะการทำงานของครูในโรงเรียนเครือคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ได้ร้อยละ 28 เมื่อเพิ่มกลุ่มตัวแปรปัจจัยภายในสามารถอธิบายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 5 2) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการทำงานของครูในโรงเรียนเครือคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์โดยรูปแบบการพัฒนาอธิบายสมรรถนะการทำงานของครูได้ร้อยละ 92 3) รูปแบบการบริหารการพัฒนาสมรรถนะการทำงานของครูมีผลการประเมินความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติโดยผู้ทรงคุณวุฒิ มีค่าเฉลี่ยรายด้านและโดยรวม สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ร้อยละ 70 และ 75 ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ‘รูปแบบการบริหารการพัฒนาสมรรถนะการทำงานของครูในโรงเรียนเครือคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ’ นี้สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้