รูปแบบการบริหารการพัฒนาการพึ่งตนเองและการปรับตัวของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
No Thumbnail Available
Date
2024
Authors
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Publisher
มหาวิทยาลัยพะเยา
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุของพฤติกรรมการพึ่งตนเองและการปรับตัวของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 2) ศึกษารูปแบบการพัฒนาพฤติกรรมการพึ่งตนเอง และการปรับตัวของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และ 3) ศึกษารูปแบบการบริหารการพัฒนาการพึ่งตนเองและการปรับตัวของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งดำเนินการด้วยการวิจัยแบบผสมเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างได้แก่เด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน 231 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยที่เป็นเครื่องมือวัดตัวแปรเป็นแบบวัดมาตรประเมินรวมค่า จำนวน 11 แบบวัด แต่ละแบบวัดมีจำนวน 4 ข้อถึง 7 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ 0.222 ถึง 0.643 มีค่าความเที่ยง (α) ตั้งแต่ 0.443 ถึง 0.788 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐาน สถิติอ้างอิง และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านสถานการณ์ทางสังคม ปัจจัยด้านจิตลักษณะ ร่วมกับปัจจัยด้านจิตลักษณะตามสถานการณ์ สามารถอธิบายพฤติกรรมการพึ่งตนเองและการปรับตัวของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ร้อยละ 38.3 และพบว่า เด็กและเยาวชนซึ่งอาศัยกับปู่ย่าตายายหรือพี่น้องเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการพัฒนาก่อน โดยปัจจัยสำคัญที่ควรปรับปรุงส่งเสริม คือ การอบรมเลี้ยงดู รูปแบบการพัฒนาการพึ่งตนเองและการปรับตัวของเด็กและเยาวชนมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และรูปแบบการบริหารการพัฒนาการพึ่งตนเองและการปรับตัวของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่สร้างขึ้นมีความเป็นไปได้ในทางปฎิบัติ มีคะแนนเฉลี่ยรายด้านและโดยรวมเท่ากับ 86.19 ถึง 94.52 และ89.46 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 และ 75 ตามลำดับ
Description
The objectives of the research were: 1) to study the causal factors of self-reliance and adaptability behaviors of the Juveniles in Juveniles Detention Homes 2) to study the development model of self-reliance and adaptabllity of the Juveniles in Juveniles Detention Homes, and 3) to study the administrative model of the Juveniles’ self-reliance and adaptability in Juveniles Detention Homes.The research methodology were quantitative together with qualitative method. The samples were 231 juvenile in the Juveniles Detention Homes obtained by cluster sampling. The research tools were sets of 11 summated rating scale with 4-7 items, items'discreimination (r) were between 0.222 up to 0.643, reliabilities were 0.443 - 0.788. The data were analyzed with descriptive, inferential statistics, and content analysis. The research findings were 1) Social situation factors, psychological traits factors and psychological state factors could explain Juveniles’ self-reliance and adaptability in Juveniles Detention Homes for more than 38.3 percentage. 2) It was found that juveniles living with relative and grandparents should be developed at first, by being raised with appropriate method 3) The Juveniles’ self-reliance and adaptability development model was fit with the empirical data. And 4) the administrative model for the development of Juveniles’ self-reliance and adaptability assessed by the experts was practical, with the average rating for aspects were between 86.19- 94.52 percentage, while the total was 89.46 percentage which was higher than the criteria 70/75 percentage
Keywords
รูปแบบการบริหารการพัฒนา, การพึ่งตนเอง, การปรับตัว, สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน, Administrative Model, Self-Reliance, Adaptability, Juvenile Detention Homes
Citation
ชัชปพงศ์ ไทยเพชร์กุล. (2567). รูปแบบการบริหารการพัฒนาการพึ่งตนเองและการปรับตัวของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน. [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยพะเยา]. ฐานข้อมูลคลังปัญญาดิจิทัล มหาวิทยาลัยพะเยา (UP Digital Collections: UPDC).