Browsing by Author "สุกัญญา อดิษะ"
Now showing 1 - 1 of 1
Results Per Page
Sort Options
- Itemความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารสถานศึกษากับสมรรถนะหลักของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2024) สุกัญญา อดิษะการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 2) เพื่อศึกษาสมรรถนะหลักของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารสถานศึกษากับสมรรถนะหลักของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้โปรแกรม G* Star Power Version 3.1 ได้กลุ่มตัวอย่างจากการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ ตามสัดส่วนของขนาดแต่ละโรงเรียน คือ ครู จำนวน 194 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่นของภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารสถานศึกษาเท่ากับ 0.98 ค่าความเชื่อมั่นของสมรรถนะหลักของครูเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า 1) ภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารสถานศึกษา ทั้งภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ ด้านความเข้าใจและให้ความสำคัญกับบุคคล ด้านการมีส่วนร่วมและการทำงานเป็นทีม ด้านการมีความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และด้านการกำหนดทิศทาง 2) สมรรถนะหลักของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 อยู่ในระดับมาก ทั้ง 3 สมรรถนะ โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ สมรรถนะการทำงานเป็นทีม สมรรถนะการพัฒนาตนเอง และสมรรถนะการมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน 3) ภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์เชิงบวก ระดับค่อนข้างสูงกับสมรรถนะหลักของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 (r=.760) ด้านที่มีค่าความสัมพันธ์สูงสุด คือ ด้านการมีส่วนร่วมและการทำงานเป็นทีม (r = .726) รองลงมา คือ ด้านการมีความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (r = .711) ด้านการเข้าใจและให้ความสำคัญกับบุคคล (r = .698) และด้านการกำหนดทิศทาง (r = .695) ตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.1