Browsing by Author "พลอยชมพู ดงปาลี"
Now showing 1 - 1 of 1
Results Per Page
Sort Options
- Itemผลของเชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา (Glomus sp., Acaulospora sp.) ที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ปริมาณสารสำคัญของผักเชียงดา และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อผักเชียงดาจากใบอ่อน(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2020) นันทิญาพรรณ ทิพย์จักร์; พลอยชมพู ดงปาลีผักเชียงดา (Gymnema inodorum (Lour.) Decne.) เป็นผักพื้นบ้านทางภาคเหนือของไทยที่มีการรายงานถึงสรรพคุณของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีสมบัติการต้านอนุมูลอิสระและการรักษาโรคเบาหวาน การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของเชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของผักเชียงดา ศึกษาผลของเชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา ที่มีผลต่อปริมาณสารสำคัญของผักเชียงดา และศึกษาการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจากใบอ่อนของผักเชียงดา ใช้การทดลองแบบบล็อกสุ่มสมบูรณ์ (RCBD) โดยแบ่งการทดลอง เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลอง วัดความสูง นับจำนวนใบ วัดความกว้าง-ยาวใบ ทุก ๆ 1 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 จากนั้นวัดน้ำหนักสด-แห้งของใบผักเชียงดา แล้วนำไปวิเคราะห์ปริมาณสารฟีนอลิก และนำรากไปตรวจดูการเข้าไปในรากของเชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา นอกจากนี้ยังได้ทำการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อใบผักเชียงดาในสูตรอาหาร MS+1NAA+1BA และ MS+2NAA+1BA จากนั้นได้ทำการวิเคราะห์หาธาตุอาหารในดินหลังการทดลอง ผลการศึกษาของผักเชียงดากลุ่มทดลองที่ใส่เชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา พบว่า มีผลต่อความสูงและความยาวใบ แต่ไม่มีผลกับจำนวนใบ ความกว้างใบ และน้ำหนักสด-แห้ง สำหรับการวิเคราะห์ปริมาณสารฟีนอลิกในผักเชียงดาในกลุ่มควบคุม (34.35±2.10 mg g/g.ext) และกลุ่มทดลอง (38.68±2.29 mg g/g.ext) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการตรวจเชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาที่เข้าไปในราก พบการสร้างอาร์บัสคูลในชั้นคอร์เท็กซ์ของราก และพบเส้นใยของเชื้อราเจริญผ่านผนังเซลล์ของราก ผลการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสูตรอาหาร MS+1NAA+1BA จำนวนการเกิดแคลลัสเกิดได้มากกว่าสูตรอาหาร MS+2NAA+1BA ผลการวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน พบว่า กลุ่มทดลองมีปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมสูงกว่ากลุ่มควบคุม