Browsing by Author "นิตยา ศรีประโชติ"
Now showing 1 - 1 of 1
Results Per Page
Sort Options
- Itemความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลตนเองกับค่าบ่งชี้ทางเคมีของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไต กลุ่มผู้สูงอายุชาติพันธ์ุ ภาคเหนือของไทย(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2024) นิตยา ศรีประโชติการวิจัยแบบภาคตัดขวางมีวัตถุประสงค์การศึกษาวิจัยนี้ เพื่อมุ่งเน้นความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมการดูแลตนเองกับค่าบ่งชี้ทางเคมีของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไต กลุ่มตัวอย่างจำนวน 405 คน เป็นผู้สูงอายุที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไตและชาติพันธ์ุไทลื้อ ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage sampling) และดำเนินการวิจัยในพื้นที่ชนบท อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยใช้การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวและแบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูล ระดับความดันโลหิต (BP) และพารามิเตอร์ทางชีวเคมี เช่น น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร (FBS) และอัตราการกรองไต (eGFR) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติสมการถดถอยพหุคูณ โดยใช้เทคนิคแบบ Backward Multiple Regression Analysis ผลการศึกษาพบว่า อายุเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 68.3 ปี เกือบครึ่งมีคะแนนระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพขั้นพื้นฐาน (41.5%) (ค่าเฉลี่ย=22.46, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน=6.15) และระดับคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองอยู่ระดับปานกลาง (37.5%) (ค่าเฉลี่ย=86.17, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน=15.48) เมื่อวิเคราะห์พบความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญระหว่างคะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพ คะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระดับความดันโลหิตซิสโตลิก และระดับความดันโลหิตไดแอสโตลิก น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร และอัตราการกรองไต (p<0.01) เมื่อวิเคราะห์ด้วยสถิติการถดถอยเชิงเส้นพหุคูณ พบว่า การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความดันโลหิตซิสโตลิกในเพศชาย และสำหรับความดันโลหิตซิสโตลิก ความดันโลหิตไดแอสโตลิกในเพศหญิง ดัชนีมวลกาย (B=0.54) การบริโภคอาหารหวาน (B=13.90) และคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง (B=-0.29) มีความสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารอย่างมีนัยสำคัญ (R2=17.8%, p<0.05) นอกจากนั้นพบว่า อาชีพ (B=2.55) การรับรสชาติอาหารจืด (B=4.07) การได้รับข้อมูลจากครอบครัว (B=3.53) พฤติกรรมการดูแลตนเอง (B=0.31) และอายุ (B=-0.51) ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับอัตราการกรองไต (R2=35.0%, p<0.05) อภิปรายผลการศึกษาระดับความรอบรู้สุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลตนเองมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มี ภาวะแทรกซ้อนทางไตในชุมชนชาติพันธุ์ไทลื้อ ดังนั้นควรให้ความสำคัญของการจัดโปรแกรมสุขศึกษา คือ การเน้นเพิ่มทักษะความรอบรู้ อาทิ การเข้าถึงข้อมูล การสื่อสารสุขภาพ และการบอกต่อ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในการดูแลตนเอง และลดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยส่งผลให้พฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตดีขึ้นในอนาคต